จากกรณี สำนักงานประกันสังคม (สปส.) กระทรวงแรงงาน เตรียมขยายฐานเก็บเงินสมทบเพิ่มจากผู้ประกันตนและนายจ้าง ซึ่งคาดว่าเริ่มเก็บหลังจากกฎหมายประกันสังคมฉบับใหม่มีผลบังคับใช้
วันนี้ (16 ต.ค. 2558) ม.ล.ปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการประกันสังคม กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้สรุปผลการศึกษา หรือนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการประกันสังคม เพราะ พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ. ... ฉบับใหม่ ที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 20 ต.ค. 2558 ซึ่งเพิ่มสิทธิประโยชน์ในกรณีต่างๆ เช่น เงินชดเชยกรณีว่างงาน เงินสงเคราะห์บุตร จากการประเมินคาดว่าต้องใช้เงินเพิ่มขึ้นประมาณ 4,500 ล้านบาทต่อปี
“อัตราที่จะเก็บสมทบเพิ่มไมได้สูงมาก โดยหากเป็นผู้ประกันตนที่มีเงินเดือนประมาณ 3,000 บาท จะจ่ายเงินสมทบเพิ่มเป็น 100 บาทต่อเดือน ขณะที่ผู้มีเงินเดือน 20,000 บาทขึ้นไป จะเก็บเงินสมทบอยู่ที่เดือนละ 1,000 บาท แต่ได้สิทธิประโยชน์เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษา คาดต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะได้ข้อสรุป” ประธานคณะกรรมการประกันสังคมระบุ
ม.ล.ปุณฑริก กล่าวเพิ่มว่า ส่วนกรณีที่มองว่าการเก็บเงินสบทบเพิ่มขึ้น แต่ผู้ประกันตนไม่ได้ใช้ประโยชน์เท่าที่ควรนั้น อยากให้มองในแง่ของการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขระหว่างผู้ประกันตน ซึ่งสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นในกฎหมายฉบับใหม่ มาจากการสำรวจความต้องการของผู้ประกันตน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันการจ่ายเงินสมทบของผู้ประกันตนสูงสุดอยู่ที่ร้อยละ 5 ของเงินเดือน ซึ่งเพดานสูงสุดอยู่ที่ฐานเงินเดือน 15,000 บาท คือจ่ายสมทบสูงสุดเดือนละไม่เกิน 750 บาท หากมีการปรับฐานเงินเดือนขึ้นสูงสุดที่ 20,000 บาท ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบกองทุนสูงสุดไม่เกินเดือนละ 1,000 บาท
วันนี้ (16 ต.ค. 2558) ม.ล.ปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการประกันสังคม กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้สรุปผลการศึกษา หรือนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการประกันสังคม เพราะ พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ. ... ฉบับใหม่ ที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 20 ต.ค. 2558 ซึ่งเพิ่มสิทธิประโยชน์ในกรณีต่างๆ เช่น เงินชดเชยกรณีว่างงาน เงินสงเคราะห์บุตร จากการประเมินคาดว่าต้องใช้เงินเพิ่มขึ้นประมาณ 4,500 ล้านบาทต่อปี
“อัตราที่จะเก็บสมทบเพิ่มไมได้สูงมาก โดยหากเป็นผู้ประกันตนที่มีเงินเดือนประมาณ 3,000 บาท จะจ่ายเงินสมทบเพิ่มเป็น 100 บาทต่อเดือน ขณะที่ผู้มีเงินเดือน 20,000 บาทขึ้นไป จะเก็บเงินสมทบอยู่ที่เดือนละ 1,000 บาท แต่ได้สิทธิประโยชน์เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษา คาดต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะได้ข้อสรุป” ประธานคณะกรรมการประกันสังคมระบุ
ม.ล.ปุณฑริก กล่าวเพิ่มว่า ส่วนกรณีที่มองว่าการเก็บเงินสบทบเพิ่มขึ้น แต่ผู้ประกันตนไม่ได้ใช้ประโยชน์เท่าที่ควรนั้น อยากให้มองในแง่ของการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขระหว่างผู้ประกันตน ซึ่งสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นในกฎหมายฉบับใหม่ มาจากการสำรวจความต้องการของผู้ประกันตน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันการจ่ายเงินสมทบของผู้ประกันตนสูงสุดอยู่ที่ร้อยละ 5 ของเงินเดือน ซึ่งเพดานสูงสุดอยู่ที่ฐานเงินเดือน 15,000 บาท คือจ่ายสมทบสูงสุดเดือนละไม่เกิน 750 บาท หากมีการปรับฐานเงินเดือนขึ้นสูงสุดที่ 20,000 บาท ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบกองทุนสูงสุดไม่เกินเดือนละ 1,000 บาท