วันนี้ (12 ต.ค.) เวลา 09.30 น. ศาลอาญานัดสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐาน คดีหมายเลขดำ อ.1824/2558 ที่กองทัพบก มอบอำนาจให้ พล.ต.ศรายุทธ กลิ่นมาหอม ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญ ทหารบก เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 กรณีที่ได้มีการเผยแพร่คำสัมภาษณ์ของอดีตนายกฯ ทักษิณ จากประเทศเกาหลี เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองและการยึดอำนาจการปกครองของ คสช. ซึ่งกระทบถึงกองทัพบกและองคมนตรี
สำหรับคดีนี้ กองทัพบกเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีเอง เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยบรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 19 -22 พฤษภาคม จำเลยได้ใส่ความ กองทัพบก โจทก์ว่า เป็นบุคคลน่ารังเกียจ เป็นอันตรายต่อประเทศชาติ และเป็นบุคคลที่ทำความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยจำเลยได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเมืองในประเทศไทย ที่มีการเผยแพร่ผ่านยูทูปและสื่อออนไลน์ ซึ่งการกระทำนั้น ส่งผลให้ให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง ขณะที่ศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ให้ประทับรับคำฟ้องไว้พิจารณาเพื่อมีคำพิพากษาต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลานัดมีเพียง พล.ต.ศรายุทธ ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญ ทหารบก ผู้แทนโจทก์ และทนายความจำเลยมาศาล โดยโจทก์ได้แถลงต่อศาลว่า จำเลยรับทราบหมายเรียกโดยชอบแล้วไม่เดินทางมาศาล ซึ่งขณะนี้ตัวจำเลยอยู่ต่างประเทศ จึงขอให้ศาลพิจารณาออกหมายจับ หรือตามเห็นสมควร ขณะที่ ทนายความจำเลย แถลงว่า จำเลยอยู่ระหว่างลี้ภัยทางการเมือง และก่อนที่จะถูกฟ้องคดีตัวจำเลยก็ไม่ได้เข้ามาในประเทศไทย จึงขอให้ศาลพิจารณาคำร้องตามเห็นสมควร
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตัวจำเลยเองได้รับทราบนัดโดยชอบแล้ว แต่ไม่เดินทางมาศาล และขณะนี้ตัวจำเลยไม่ได้อยู่ในราชอาณาจักร จึงมีพฤติการณ์หลบหนี ดังนั้น ให้ออกหมายจับจำเลย เพื่อให้ได้ตัวมาพิจารณาภายในอายุความ ซึ่งกรณีไม่แน่ว่าจะจับตัวจำเลยได้เมื่อใด ศาลจึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความชั่วคราวไว้ก่อน และหากมีการจับตัวจำเลยได้แล้ว ให้พิจารณาคดีต่อไป
สำหรับคดีนี้ กองทัพบกเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีเอง เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยบรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 19 -22 พฤษภาคม จำเลยได้ใส่ความ กองทัพบก โจทก์ว่า เป็นบุคคลน่ารังเกียจ เป็นอันตรายต่อประเทศชาติ และเป็นบุคคลที่ทำความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยจำเลยได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเมืองในประเทศไทย ที่มีการเผยแพร่ผ่านยูทูปและสื่อออนไลน์ ซึ่งการกระทำนั้น ส่งผลให้ให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง ขณะที่ศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ให้ประทับรับคำฟ้องไว้พิจารณาเพื่อมีคำพิพากษาต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลานัดมีเพียง พล.ต.ศรายุทธ ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญ ทหารบก ผู้แทนโจทก์ และทนายความจำเลยมาศาล โดยโจทก์ได้แถลงต่อศาลว่า จำเลยรับทราบหมายเรียกโดยชอบแล้วไม่เดินทางมาศาล ซึ่งขณะนี้ตัวจำเลยอยู่ต่างประเทศ จึงขอให้ศาลพิจารณาออกหมายจับ หรือตามเห็นสมควร ขณะที่ ทนายความจำเลย แถลงว่า จำเลยอยู่ระหว่างลี้ภัยทางการเมือง และก่อนที่จะถูกฟ้องคดีตัวจำเลยก็ไม่ได้เข้ามาในประเทศไทย จึงขอให้ศาลพิจารณาคำร้องตามเห็นสมควร
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตัวจำเลยเองได้รับทราบนัดโดยชอบแล้ว แต่ไม่เดินทางมาศาล และขณะนี้ตัวจำเลยไม่ได้อยู่ในราชอาณาจักร จึงมีพฤติการณ์หลบหนี ดังนั้น ให้ออกหมายจับจำเลย เพื่อให้ได้ตัวมาพิจารณาภายในอายุความ ซึ่งกรณีไม่แน่ว่าจะจับตัวจำเลยได้เมื่อใด ศาลจึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความชั่วคราวไว้ก่อน และหากมีการจับตัวจำเลยได้แล้ว ให้พิจารณาคดีต่อไป