นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เรียกประชุมหารือหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก และการร้องขอให้ภาครัฐปรับปรุงบริการ เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถประกอบธุรกิจได้โดยสะดวก รวดเร็ว และง่ายมากขึ้น โดยได้วางแนวทางปรับปรุงบริการตามที่เอกชนเสนอแนะ และได้ดำเนินการแล้ว ซึ่งภาคเอกชนเป็นที่น่าพอใจของทุกฝ่าย อีกทั้งภาคเอกชนพร้อมและยินดีที่จะประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบธุรกิจได้รับรู้แนวทางปฏิบัติต่างๆ ต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการปรับปรุงบริการตามที่ภาคเอกชนเสนอแนะไปแล้ว เช่น การจดทะเบียนวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งธุรกิจ โดยขอให้ระบุวัตถุประสงค์แบบกว้าง หรือแบบ Negative List ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พิจารณาแล้วเห็นว่า นิติบุคคลมีความสามารถจำกัดภายใต้ขอบอำนาจตามวัตถุประสงค์ของนิติบุคคล กิจการที่อยู่นอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ที่กำหนดจะไม่ใช่การกระทำของนิติบุคคลนั้น การระบุวัตถุประสงค์เท่ากับเป็นการระบุขอบเขตอำนาจของห้างหุ้นส่วนบริษัทให้ชัดเจนขึ้น หากระบุวัตถุประสงค์ไม่ชัดเจนอาจทำให้ไม่ทราบว่าวัตถุประสงค์นั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ อีกทั้งยังอาจก่อให้เกิดปัญหาในการติดต่อธุรกิจ หรือทำการค้าขายกับคู่ค้า และการขออนุญาตประกอบกิจการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคลรายนั้นได้ เนื่องจากคู่ค้าหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ทราบว่านิติบุคคลนั้นประกอบธุรกิจใด
นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงการให้บริการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดขั้นตอน ระยะเวลา และค่าใช้จ่ายต่างๆ ของภาคเอกชนไม่ว่าจะเป็นการให้บริการ ณ จุดเดียวโดยสามารถยื่นจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า) ขอเลขประจำตัวผู้เสียภาษี (กรมสรรพากร) และขอขึ้นทะเบียนนายจ้าง (สำนักงานประกันสังคม) รวมทั้งยื่นสำเนาข้อบังคับการทำงาน กรณีมีลูกจ้างมากกว่า 10 คนขึ้นไป (กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน) ณ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งมารับบริการได้ที่จุดเดียว ใช้เวลาภายใน 60 นาที โดยภายในปี 2560 กรมจะเพิ่มความสะดวกมากยิ่งขึ้นด้วยการนำเทคโนโลยีมาให้บริการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการปรับปรุงบริการตามที่ภาคเอกชนเสนอแนะไปแล้ว เช่น การจดทะเบียนวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งธุรกิจ โดยขอให้ระบุวัตถุประสงค์แบบกว้าง หรือแบบ Negative List ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พิจารณาแล้วเห็นว่า นิติบุคคลมีความสามารถจำกัดภายใต้ขอบอำนาจตามวัตถุประสงค์ของนิติบุคคล กิจการที่อยู่นอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ที่กำหนดจะไม่ใช่การกระทำของนิติบุคคลนั้น การระบุวัตถุประสงค์เท่ากับเป็นการระบุขอบเขตอำนาจของห้างหุ้นส่วนบริษัทให้ชัดเจนขึ้น หากระบุวัตถุประสงค์ไม่ชัดเจนอาจทำให้ไม่ทราบว่าวัตถุประสงค์นั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ อีกทั้งยังอาจก่อให้เกิดปัญหาในการติดต่อธุรกิจ หรือทำการค้าขายกับคู่ค้า และการขออนุญาตประกอบกิจการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคลรายนั้นได้ เนื่องจากคู่ค้าหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ทราบว่านิติบุคคลนั้นประกอบธุรกิจใด
นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงการให้บริการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดขั้นตอน ระยะเวลา และค่าใช้จ่ายต่างๆ ของภาคเอกชนไม่ว่าจะเป็นการให้บริการ ณ จุดเดียวโดยสามารถยื่นจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า) ขอเลขประจำตัวผู้เสียภาษี (กรมสรรพากร) และขอขึ้นทะเบียนนายจ้าง (สำนักงานประกันสังคม) รวมทั้งยื่นสำเนาข้อบังคับการทำงาน กรณีมีลูกจ้างมากกว่า 10 คนขึ้นไป (กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน) ณ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งมารับบริการได้ที่จุดเดียว ใช้เวลาภายใน 60 นาที โดยภายในปี 2560 กรมจะเพิ่มความสะดวกมากยิ่งขึ้นด้วยการนำเทคโนโลยีมาให้บริการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย