อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แจงตัวเลขผู้ยื่นขอจัดตั้งกิจการใหม่ประจำเดือนสิงหาคม 2558 มีจำนวน 4,912 ราย ลดลง 476 ราย โดยมีมูลค่า 13,240 ล้านบาท ลดลงกว่า 7,037 ล้านบาท คิดเป็น 35% เทียบกับเดือนกรกฎาคม 2558 ธุรกิจที่มีการจัดตั้งมากที่สุด 5 อันดับ ก่อสร้าง ภัตตาคารขายส่งเครื่องจักร และธุรกิจให้คำปรึกษา
น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ในเดือนสิงหาคม 2558 มีผู้ยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัททั่วประเทศ จำนวน 4,912 ราย ลดลง 476 ราย คิดเป็น 9% เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2558 ที่มีจำนวน 5,388 ราย และลดลง 292 ราย คิดเป็น 6% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2557 ที่มีจำนวน 5,204 ราย สำหรับนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกทั่วประเทศในเดือนสิงหาคม 2558 มีจำนวน 1,542 ราย
สำหรับ มูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ในเดือนสิงหาคม 2558 มีจำนวนทั้งสิ้น 13,240 ล้านบาท ลดลงจำนวน 7,037 ล้านบาท คิดเป็น 35% เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2558 ซึ่งมีจำนวน 20,277 ล้านบาท และลดลงจำนวน 14,373 ล้านบาท คิดเป็น 52% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2557 ที่มีจำนวน 27,613 ล้านบาท
ส่วนประเภทธุรกิจที่จดทะเบียนจัดตั้งสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 538 รายอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 287 ราย ภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 135 ราย ขายส่งเครื่องจักร จำนวน 107 ราย และธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการจัดการ จำนวน 106 ราย
ทั้งนี้ โดยภาพรวม วันที่ 31 สิงหาคม 2558 มีห้างหุ้นส่วนบริษัทจดทะเบียนจัดตั้งทั้งสิ้น 1,277,730 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 19.65 ล้านล้านบาท โดยมีห้างหุ้นส่วนบริษัทที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 617,851 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน 15.53 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นบริษัทจำกัด 436,323 ราย บริษัทมหาชนจำกัด 1,107 ราย และห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 180,421 ราย
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ (ม.ค.-ส.ค. 58) มีจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้ง ทั้งสิ้น 41,857 ราย เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ม.ค.-ส.ค. 57) จำนวน 1,595 ราย คิดเป็นร้อยละ 4 และคาดว่าตลอดทั้งปี 2558 จะมีนิติบุคคลจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจมากกว่า 60,000 ราย และจากการคาดการณ์ของสำนักเศรษฐกิจการคลัง ที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2558 จะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 3.0 โดยได้รับผลดีมาจากภาคการท่องเที่ยว นโยบายการเร่งรัดเบิกจ่ายของรัฐบาลในโครงการต่างๆ เช่น โครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โครงการบริหารจัดการน้ำ และโครงการพัฒนาระบบขนส่งทางถนน ประกอบกับคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ในวงเงิน 1.36 แสนล้านบาท ได้แก่ มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย และมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามสถานการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน ราคาสินค้าเกษตร การส่งออก และภัยธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศ และส่งผลต่อการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทโดยรวม
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *