นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยถึงโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ ที่จัดเก็บจากการใช้เชื้อเพลิงและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 นั้น บริษัทรถยนต์ได้ทยอยส่งราคารถยนต์ให้แก่กรมพิจารณาปรับอัตราภาษีใหม่แล้ว 90% ส่วนอีก 10% เป็นรถยนต์หรูราคาแพง ทั้งผลิตภายในประเทศและนำเข้า คาดทุกยี่ห้อทุกรุ่นจะส่งราคารถยนต์ให้กรมครบภายในสิ้นปีนี้
สำหรับอัตราภาษีใหม่ที่ค่ายรถยนต์ได้เริ่มทยอยส่งราคาใหม่ให้แก่กรมพิจารณาแล้ว พบว่า ราคารถยนต์ที่เสนอมาใหม่ มีราคาขายสูงกว่าราคารถยนต์ที่ผลิตและจำหน่ายในปัจจุบัน โดยสาเหตุหลัก 2 ประการ คือบริษัทรถยนต์พัฒนาคุณภาพของเครื่องยนต์ดีขึ้น จึงมีต้นทุนสูงขึ้น และผู้ผลิตได้ออกรถยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดมากขึ้น ส่งผลให้ราคารถยนต์ปี 2559 แพงขึ้น โดยในปีงบประมาณ 2558 สรรพสามิตมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีรถยนต์ประมาณ 85,000 ล้านบาท และคาดว่าปี 2559 จะมีรายได้เพิ่มเป็น 95,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 10,000 ล้านบาท
นายสมชัยกล่าวว่า โครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่นี้ รถยนต์ประเภทประหยัดพลังงานอย่างเช่น อีโคคาร์ ไม่เสียภาษี จะเท่าเดิม เมื่อเปรียบเทียบกับโครงสร้างภาษีเดิม เนื่องจากเป็นรถยนต์ขนาดเล็กและประหยัดพลังงานอยู่แล้ว ส่วนรถกระบะหรือปิกอัพ เสียภาษีแพงขึ้นคันละ 10,000-30,000 บาท
ขณะที่รถยนต์ราคาหลักล้านบาท แต่ไม่เกิน 2 ล้านบาท เสียภาษีประมาณ 40,000-100,000 บาท แต่รถยนต์หรูราคาหลายล้านบาท เสียภาษีตั้งแต่ 100,000-400,000 บาท
รายงานข่าวแจ้งว่า รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าเสียภาษีแพงขึ้น 12,000-450,000 บาท ฮอนด้าเสียภาษีแพงขึ้น 5,000-120,000 บาท มาสด้า 85,000-140,000 บาท มิตซูบิชิ 8,000-140,000 บาท เชฟโรเลต 20,000-120,00 บาท บีเอ็มดับเบิลยู 100,000-500,000 บาท และรถเบนซ์ 289,000-1 ล้านบาท เป็นต้น
สำหรับอัตราภาษีใหม่ที่ค่ายรถยนต์ได้เริ่มทยอยส่งราคาใหม่ให้แก่กรมพิจารณาแล้ว พบว่า ราคารถยนต์ที่เสนอมาใหม่ มีราคาขายสูงกว่าราคารถยนต์ที่ผลิตและจำหน่ายในปัจจุบัน โดยสาเหตุหลัก 2 ประการ คือบริษัทรถยนต์พัฒนาคุณภาพของเครื่องยนต์ดีขึ้น จึงมีต้นทุนสูงขึ้น และผู้ผลิตได้ออกรถยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดมากขึ้น ส่งผลให้ราคารถยนต์ปี 2559 แพงขึ้น โดยในปีงบประมาณ 2558 สรรพสามิตมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีรถยนต์ประมาณ 85,000 ล้านบาท และคาดว่าปี 2559 จะมีรายได้เพิ่มเป็น 95,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 10,000 ล้านบาท
นายสมชัยกล่าวว่า โครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่นี้ รถยนต์ประเภทประหยัดพลังงานอย่างเช่น อีโคคาร์ ไม่เสียภาษี จะเท่าเดิม เมื่อเปรียบเทียบกับโครงสร้างภาษีเดิม เนื่องจากเป็นรถยนต์ขนาดเล็กและประหยัดพลังงานอยู่แล้ว ส่วนรถกระบะหรือปิกอัพ เสียภาษีแพงขึ้นคันละ 10,000-30,000 บาท
ขณะที่รถยนต์ราคาหลักล้านบาท แต่ไม่เกิน 2 ล้านบาท เสียภาษีประมาณ 40,000-100,000 บาท แต่รถยนต์หรูราคาหลายล้านบาท เสียภาษีตั้งแต่ 100,000-400,000 บาท
รายงานข่าวแจ้งว่า รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าเสียภาษีแพงขึ้น 12,000-450,000 บาท ฮอนด้าเสียภาษีแพงขึ้น 5,000-120,000 บาท มาสด้า 85,000-140,000 บาท มิตซูบิชิ 8,000-140,000 บาท เชฟโรเลต 20,000-120,00 บาท บีเอ็มดับเบิลยู 100,000-500,000 บาท และรถเบนซ์ 289,000-1 ล้านบาท เป็นต้น