พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวยืนยันว่า ปมการก่อเหตุระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร มาจากการทำลายขบวนการค้ามนุษย์ชาวอุยกูร์ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการส่งชาวอุยกูร์ 109 คน กลับไปยังประเทศจีน ซึ่งเชื่อว่าผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการนี้เป็นผู้จ้างวานให้มีการก่อเหตุ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นกลุ่มใด และจากการสืบสวนจนสามารถออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องได้ 17 คน มีชาวไทย 2 คน หนึ่งในนั้นคือ นายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือ นายยงยุทธ พบแก้ว ซึ่งมีหน้าที่จัดหาอุปกรณ์ในการผลิตระเบิดเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น เมื่อปี 2553 และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีระเบิดพื้นที่มีนบุรี เมื่อปี 2557 จึงไม่สามารถตัดประเด็นการเมืองทิ้งได้ เพราะอาจเป็นการร่วมลงมือของผู้เสียผลประโยชน์ 2 กลุ่ม
ด้าน พล.ต.ทงศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า การดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา เบื้องต้นยังไม่เข้าข่ายองค์ประกอบความผิดก่อการร้าย แต่ในความผิดที่ตำรวจแจ้งข้อหาไว้ สามารถใช้ประสานขอความร่วมมือกับนานาประเทศได้ และคดีนี้อยู่ในอำนาจของศาลทหารเป็นผู้พิจารณา เนื่องจากเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยุทธภัณฑ์ฯ และขณะนี้อยู่รวบรวมสำนวน เพื่อส่งอัยการทหารสั่งคดีให้ทันกำหนดฝากขังผู้ต้องหา 7 ผลัดหรือ 84 วัน ตั้งแต่วันแรกที่ส่งฝากขังผู้ต้องหา
สำหรับคดีนี้ตำรวจมีหลักฐานสำคัญที่พบว่าเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร เชื่อมโยงกัน เนื่องจากพบลูกเหล็ก ท่อเหล็กกลม ฝักแคระเบิด บริเวณที่เกิดเหตุระเบิดทั้งสองจุด ตรงกับที่พบในพูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก และจากการตรวจลายนิ้วมือแฝง ที่อุปกรณ์ผลิตระเบิดพบว่ามีลายนิ้วมือของนายอาเดม คาราดัก หรือ บิลาล โมฮัมเหม็ด และนายมีไรลี ยูซูฟู อยู่ที่อุปกรณ์ดังกล่าว รวมถึงหลักฐานภาพวงจรปิด จนทำให้ผู้ต้องหาทั้งสองจำนนต่อหลักฐานและรับสารภาพ และสามารถยืนยันได้ว่า นายอาเดม คือชายเสื้อสีเหลือง ซึ่งเป็นผู้วางระเบิดที่ราชประสงค์ ส่วนนายซูแบร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 1 คน ตำรวจพบว่าหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วผ่านทางชายแดนภาคใต้
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบเงินสดจำนวน 3 ล้านบาท ให้กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อมอบให้กับทีมสืบสวนทั้งตำรวจและทหารที่สามารถจับกุมและคลี่คลายคดีนี้ได้
ด้าน พล.ต.ทงศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า การดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา เบื้องต้นยังไม่เข้าข่ายองค์ประกอบความผิดก่อการร้าย แต่ในความผิดที่ตำรวจแจ้งข้อหาไว้ สามารถใช้ประสานขอความร่วมมือกับนานาประเทศได้ และคดีนี้อยู่ในอำนาจของศาลทหารเป็นผู้พิจารณา เนื่องจากเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยุทธภัณฑ์ฯ และขณะนี้อยู่รวบรวมสำนวน เพื่อส่งอัยการทหารสั่งคดีให้ทันกำหนดฝากขังผู้ต้องหา 7 ผลัดหรือ 84 วัน ตั้งแต่วันแรกที่ส่งฝากขังผู้ต้องหา
สำหรับคดีนี้ตำรวจมีหลักฐานสำคัญที่พบว่าเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร เชื่อมโยงกัน เนื่องจากพบลูกเหล็ก ท่อเหล็กกลม ฝักแคระเบิด บริเวณที่เกิดเหตุระเบิดทั้งสองจุด ตรงกับที่พบในพูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก และจากการตรวจลายนิ้วมือแฝง ที่อุปกรณ์ผลิตระเบิดพบว่ามีลายนิ้วมือของนายอาเดม คาราดัก หรือ บิลาล โมฮัมเหม็ด และนายมีไรลี ยูซูฟู อยู่ที่อุปกรณ์ดังกล่าว รวมถึงหลักฐานภาพวงจรปิด จนทำให้ผู้ต้องหาทั้งสองจำนนต่อหลักฐานและรับสารภาพ และสามารถยืนยันได้ว่า นายอาเดม คือชายเสื้อสีเหลือง ซึ่งเป็นผู้วางระเบิดที่ราชประสงค์ ส่วนนายซูแบร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 1 คน ตำรวจพบว่าหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วผ่านทางชายแดนภาคใต้
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบเงินสดจำนวน 3 ล้านบาท ให้กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อมอบให้กับทีมสืบสวนทั้งตำรวจและทหารที่สามารถจับกุมและคลี่คลายคดีนี้ได้
