พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าในที่ประชุม ครม.วันนี้ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ชี้แจงความคืบหน้าของการระบายข้าวเหลือค้างสต๊อกในโครงการรับจำนำข้าว โดยได้ขอเวลาหาแนวทางการระบายข้าวเป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งตอนนี้สามารถระบายข้าวได้แล้ว 4.3 ล้านตัน จากจำนวนทั้งสิ้น 18.7 ล้านตัน
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมา มีข้าวค้างสต็อกในสมัยรัฐบาลก่อนทั้งสิ้น 18.7 ล้านตัน มีคณะกรรมการตรวจสอบระดับต่างๆ มากมาย มีทั้งข้าวดีและข้าวเสียปะปนกัน โดยแยกออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.ข้าวเกรดพี เป็นข้าวที่ผ่านมาตรฐานตามเกณฑ์สามารถส่งออกได้
2.ข้าวเกรด เอ-บี-ซี ซึ่งเป็นกลุ่มที่หย่อนกว่ามาตรฐาน แบ่งเป็น เกรดเอ คือตลาดยอมรับและสามารถขายได้ในราคาที่ดีพอสมควร เกรดบี คือข้าวที่ตลาดพอรับได้ และสามารถนำมาบริโภคได้ ส่วนเกรดซี คือกลุ่มที่ต่ำกว่ามาตรฐาน หากใช้งบประมาณในการปรับปรุงก็คงไม่คุ้มที่เสียไป แต่สามารถเอามาเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมได้
และ 3.ข้าวเสีย ซึ่งไม่สามารถใช้บริโภคทั้งคนและสัตว์ได้ จึงต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ โดยได้ลองทดสอบ 2 โกดัง ในการแยกข้าวดีออกจากข้าวเสียพบว่า ถ้าต้องระบายข้าวที่มีอยู่ 18.7 ล้านตัน คงต้องใช้เวลาที่นานมากพอสมควร
อย่างไรก็ตาม นางอภิรดี ขอใช้เวลาตามที่เคยชี้แจงนายกรัฐมนตรีไปแล้ว คือ ขอเวลา 1 เดือน ในช่วงเดือนตุลาคม โดยจะใช้เวลาให้น้อยที่สุดเท่าที่ขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่จะทำได้ เพื่อจะสำรวจคลังโกดังที่มีอยู่ทั้งหมด และเมื่อได้ข้อมูลสรุปเรียบร้อยจะนำข้อมูลไปหารือกับคณะกรรมการนโยบายข้าว และนำเสนอต่อ ครม.อีกครั้งหนึ่งว่า จะระบายข้าวในลักษณะนี้ออกไปได้อย่างไรดี แต่ยืนยันว่า จะไม่นำเอาข้าวเสียมาปนกับข้าวดีในตลาดให้ผู้บริโภคไม่สบายใจเด็ดขาด ขณะเดียวกันการดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนได้เสียกับโครงการรับจำนำข้าวจะดำเนินการอย่างเข็มข้น พร้อมเปิดให้ผู้ประกอบการเข้ามาแข่งขันซื้อข้าวในส่วนที่นำไปบริโภคได้อย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลได้ระบายข้างในสต๊อกออกไปได้แล้ว 4.3 ล้านตัน จากจำนวนทั้งหมด 18.7 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 47,242 ล้านบาท
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมา มีข้าวค้างสต็อกในสมัยรัฐบาลก่อนทั้งสิ้น 18.7 ล้านตัน มีคณะกรรมการตรวจสอบระดับต่างๆ มากมาย มีทั้งข้าวดีและข้าวเสียปะปนกัน โดยแยกออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.ข้าวเกรดพี เป็นข้าวที่ผ่านมาตรฐานตามเกณฑ์สามารถส่งออกได้
2.ข้าวเกรด เอ-บี-ซี ซึ่งเป็นกลุ่มที่หย่อนกว่ามาตรฐาน แบ่งเป็น เกรดเอ คือตลาดยอมรับและสามารถขายได้ในราคาที่ดีพอสมควร เกรดบี คือข้าวที่ตลาดพอรับได้ และสามารถนำมาบริโภคได้ ส่วนเกรดซี คือกลุ่มที่ต่ำกว่ามาตรฐาน หากใช้งบประมาณในการปรับปรุงก็คงไม่คุ้มที่เสียไป แต่สามารถเอามาเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมได้
และ 3.ข้าวเสีย ซึ่งไม่สามารถใช้บริโภคทั้งคนและสัตว์ได้ จึงต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ โดยได้ลองทดสอบ 2 โกดัง ในการแยกข้าวดีออกจากข้าวเสียพบว่า ถ้าต้องระบายข้าวที่มีอยู่ 18.7 ล้านตัน คงต้องใช้เวลาที่นานมากพอสมควร
อย่างไรก็ตาม นางอภิรดี ขอใช้เวลาตามที่เคยชี้แจงนายกรัฐมนตรีไปแล้ว คือ ขอเวลา 1 เดือน ในช่วงเดือนตุลาคม โดยจะใช้เวลาให้น้อยที่สุดเท่าที่ขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่จะทำได้ เพื่อจะสำรวจคลังโกดังที่มีอยู่ทั้งหมด และเมื่อได้ข้อมูลสรุปเรียบร้อยจะนำข้อมูลไปหารือกับคณะกรรมการนโยบายข้าว และนำเสนอต่อ ครม.อีกครั้งหนึ่งว่า จะระบายข้าวในลักษณะนี้ออกไปได้อย่างไรดี แต่ยืนยันว่า จะไม่นำเอาข้าวเสียมาปนกับข้าวดีในตลาดให้ผู้บริโภคไม่สบายใจเด็ดขาด ขณะเดียวกันการดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนได้เสียกับโครงการรับจำนำข้าวจะดำเนินการอย่างเข็มข้น พร้อมเปิดให้ผู้ประกอบการเข้ามาแข่งขันซื้อข้าวในส่วนที่นำไปบริโภคได้อย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลได้ระบายข้างในสต๊อกออกไปได้แล้ว 4.3 ล้านตัน จากจำนวนทั้งหมด 18.7 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 47,242 ล้านบาท