xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” จี้เร่งปล่อยข้าวค้างในสต๊อก-พาณิชย์ ขอ 1 เดือน ตรวจโกดัง พบค้าง 18.7 ล้านตัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
“บิ๊กตู่” จี้ “พาณิชย์” เร่งปล่อยข้าวค้างในสต๊อก “อภิรดี” แจงมีปริมาณค้างสต๊อก 18.7 ล้านตัน ยันจะใช้เวลาเร็วที่สุด 1 เดือน ตรวจโกดังข้าวทั่วประเทศก่อนเสนอ “นบข.- ครม.” ส่วน ครม. ไฟเขียวการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อกข้าวปี 58/59 วงเงิน 385 ลบ. โดยให้ใช้วงเงินเดิมที่เหลืออยู่

วันนี้ (22 ก.ย.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ถามใน ครม. ถึงการระบายข้าวในสต๊อก ซึ่ง นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ชี้แจงว่า ขณะนี้ได้ทำการระบายข้าวที่เหลือจากสต๊อกในรัฐบาลชุดที่แล้วจำนวน 18.7 ล้านตัน ในตลอดระยะเวลา 427 วัน ที่ผ่านมา ซึ่งแบ่งข้าวได้เป็น 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มที่ผ่านมาตรฐาน 2. กลุ่มข้าวที่หย่อนกว่ามาตรฐาน ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 ระดับ คือ

เกรดเอ คือ ข้าวที่ตลาดรับได้แต่ต้องผ่านการปรับปรุงคุณภาพเล็กน้อย เกรดบี เป็นข้าวที่ตลาดยังพอรับได้แต่ต้องใช้งบประมาณที่สูงขึ้นในการปรับปรุงคุณภาพข้าว และเกรดซี คือ ข้าวที่ต่ำกว่ามาตรฐาน หากขายไปกำไรที่ได้ก็จะไม่คุ้มกับเงินที่ลงทุนปรับปรุงคุณภาพของข้าว แต่ยังสามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบทางอุตสาหกรรมได้ กลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มที่ 3 ข้าวที่เสีย ซึ่งไม่สามารถนำมาใช้บริโภคทั้งกับคนและสัตว์ได้

ทั้งนี้ นางอภิรดี ได้เผยต่อที่ประชุมถึงการทดลองแยกข้าวใน 2 โกดัง พบว่า ใช้เวลานานมากในการแยกข้าวดีกับข้าวเสียออกจากกัน จึงขอเวลา 1 เดือน ในการดำเนินการแยกข้าวทั้งหมด ซึ่งได้แจ้งให้ พล.อ.ประยุทธ์ ทราบไปก่อนหน้านี้แล้ว หรืออาจจะใช้เวลาน้อยที่สุดเท่าที่เจ้าหน้าที่จะสามารถดำเนินการได้ จากนั้นจะนำผลการดำเนินงานเข้าหารือกับคณะกรรมการนโยบายข้าว (นบข.) และเข้าที่ประชุม ครม. เพื่อหามาตรการเร่งการระบายข้าว และขอยืนยันว่า จะไม่นำข้าวเสียมาปะปนกับข้าวดีอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ในส่วนของการดำเนินการแจ้งความกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดที่แล้ว ได้มีการดำเนินคดีอย่างเข้มข้น อย่างไรก็ดี จะมีการเปิดให้ผู้ประกอบการเข้ามาประมูลข้าวภายใต้การดำเนินงานที่โปร่งใสต่อไป

วันเดียวกัน คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบหลักการโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2558/59 วงเงิน 385 ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาทบทวนรายละเอียดโครงการให้เหมาะสมกับสถานการณ์ พร้อมทั้งประเมินผลการดำเนินโครงการเป็นระยะ ๆ ว่า สามารถยกระดับราคาผลิตข้าวตามวัตถุประสงค์ของโครงการได้มากน้อยเพียงใด

โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก ปีการผลิต 2558/59 มีรายละเอียด ดังนี้

1. วิธีการ รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวที่จะเข้าร่วมโครงการ ผ่านธนาคารพาณิชย์ของรัฐ (ธนาคารกรุงไทย) ที่ผู้ประกอบการค้าข้าวเป็นลูกค้าอยู่ ตามมูลค่าข้าวเปลือกที่ผู้เข้าร่วมโครงการเก็บสต๊อกไว้ ในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ตามระยะเวลาที่เก็บสต็อกไว้ 60 - 180 วัน นับแต่วันที่รับซื้อ (เบิกจ่ายเงินหรือออกตั๋วสัญญาใช้เงิน) โดยใช้แนวทางเดียวกับโครงการฯ นาปรัง ปี 2558

2. เป้าหมาย เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้าร่วมโครงการเก็บสต๊อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสารจากเดิมตรวจนับเฉพาะข้าวเปลือก เพื่อดูดซับผลผลิต เป้าหมายเก็บสต๊อก 3 ล้านตัน เป็นระยะเวลา 2 - 6 เดือน

3. ระยะเวลาดำเนินการ 1) ระยะเวลาการรับซื้อข้าวจากเกษตรกร (ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน) เพื่อเก็บสต็อก 1 ตุลาคม 2558 - 30 กันยายน 2559 2) ระยะเวลาการเก็บสต๊อกข้าว 1 ตุลาคม 2558 - 31 มีนาคม 2560 3) ระยะเวลาโครงการ 1 ตุลาคม 2558 - 30 มิถุนายน 2560.


กำลังโหลดความคิดเห็น