รายงานข่าวแจ้งว่า นายวิลเลียม วิน แอลลิส นักวิชาการชาวอังกฤษที่เคยร้องเรียนว่าถูกอดีตผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) คัดลอกบทความทางวิชาการเมื่อ 6 ปีก่อน ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกักตัว 4 วัน ขณะกลับมาประเทศไทย เพราะคู่กรณีแจ้งขึ้นบัญชีดำ ได้โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ของเมื่อวานนี้ (8 ก.ย.2558) ระบุว่าเขาได้รับการปล่อยตัวแล้วและขณะนี้อยู่ที่บ้านพักในกรุงเทพฯ
นายวิลเลียมถูกกักตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.2558 ขณะผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังกลับจากไปเยี่ยมครอบครัวที่ยุโรป เพราะเขาถูกขึ้นบัญชีดำ ห้ามเข้าประเทศไทยตั้งแต่ปี 2551
นายศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติในขณะนั้น ทำหนังสือจากหน่วยงานแจ้งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขอให้ขึ้นบัญชีดำวิลเลียม โดยระบุว่าเขาเป็นบุคคลอันตรายต่อประเทศไทย
นายวิลเลียมได้รับการปล่อยตัวเมื่อคืนวันที่ 7 ก.ย. หลังจากนายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ สนช.คนปัจจุบัน ทำหนังสือถอนคำสั่งบัญชีดำ และทนายความของนายวิลเลียมนำหนังสือพร้อมกับคำพิพากษาของศาลไปยื่นที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
นายวิลเลียมเคยร่วมงานกับ สนช.เมื่อปี 2547 ในฐานะที่ปรึกษาอิสระและได้รับมอบหมายจากนายศุภชัยให้ทำงานวิจัยด้านเกษตรอินทรีย์พร้อมกับบริษัทแห่งหนึ่ง ต่อมาเขาพบว่าบทความงานวิจัยถูกคัดลอกนำไปใช้ในปริญญานิพนธ์
ทั้งนี้เมื่อปี 2552 นายวิลเลียมยื่นร้องเรียนต่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยว่า ผลงานบทความทางวิชาการ ถูกลอกเลียนผลงาน เพื่อนำไปเป็นส่วนหนึ่งของปริญญานิพนธ์ระดับดุษฎีบัณฑิต แต่นายศุภชัย ผู้อำนวยการ สนช.ในขณะนั้น ฟ้องนายวิลเลียมข้อหาหมิ่นประมาท พร้อมกับคดีอื่นๆ รวม 9 คดี แต่ศาลตัดสินให้วิลเลียมชนะในทุกคดี
หลังจากนั้นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำการตรวจสอบย้อนหลัง พบว่าปริญญานิพนธ์ของนายศุภชัยเข้าข่ายลอกเลียนวรรณกรรมโดยมิชอบ จึงเพิกถอนปริญญาดุษฎีบัณฑิตของนายศุภชัย ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย.2555 และนับเป็นการเพิกถอนปริญญาครั้งแรกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปัจจุบันยังมีคดีที่นายศุภชัยฟ้องวิลเลียม พร้อมกับนักข่าวและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ข้อหาหมิ่นประมาทอีกหนึ่งคดี
วิลเลียมบอกว่าเขาอยู่ไทยมา 30 ปีแล้ว และเดินทางเข้าออกประเทศด้วยหนังสือเดินทางไทย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาใช้หนังสือเดินทางอังกฤษ เมื่อกลับเข้าประเทศไทยจึงทราบว่าถูกขึ้นบัญชีดำ
"การขึ้นแบล็คลิสต์ มีผลร้ายแรงต่อชีวิตของคนนั้นๆ และครอบครัว ควรให้โอกาสเจ้าตัวได้ชี้แจง เมื่อสรรพากรมาตรวจ เขาขอให้ไปชี้แจง และผมต้องไปชี้แจงเป็นระยะๆ เป็นเวลา 3 ปี ผมมีโอกาสยื่นหลักฐานและชี้แจง เพื่อหักล้างการกล่าวหา การขึ้นแบล็คลิสต์บุคคลก็ควรทำเช่นเดียวกันเพื่อจะได้ให้เขามีโอกาสพิสูจน์ความบริสุทธิ์" นายวิลเลียมกล่าว
นายวิลเลียมกล่าวว่าระหว่างที่ถูกกักตัวเขาได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเป็นอย่างดี แต่อยากฝากถึงหน่วยงานรัฐว่า ควรจะเพิ่มความเข้มงวดในระบบตรวจสอบการบริหารเงิน โดยเฉพาะในองค์การมหาชน เพื่อหลีกเลี่ยงผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างที่เคยเกิดขึ้น
นายวิลเลียมถูกกักตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.2558 ขณะผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังกลับจากไปเยี่ยมครอบครัวที่ยุโรป เพราะเขาถูกขึ้นบัญชีดำ ห้ามเข้าประเทศไทยตั้งแต่ปี 2551
นายศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติในขณะนั้น ทำหนังสือจากหน่วยงานแจ้งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขอให้ขึ้นบัญชีดำวิลเลียม โดยระบุว่าเขาเป็นบุคคลอันตรายต่อประเทศไทย
นายวิลเลียมได้รับการปล่อยตัวเมื่อคืนวันที่ 7 ก.ย. หลังจากนายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ สนช.คนปัจจุบัน ทำหนังสือถอนคำสั่งบัญชีดำ และทนายความของนายวิลเลียมนำหนังสือพร้อมกับคำพิพากษาของศาลไปยื่นที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
นายวิลเลียมเคยร่วมงานกับ สนช.เมื่อปี 2547 ในฐานะที่ปรึกษาอิสระและได้รับมอบหมายจากนายศุภชัยให้ทำงานวิจัยด้านเกษตรอินทรีย์พร้อมกับบริษัทแห่งหนึ่ง ต่อมาเขาพบว่าบทความงานวิจัยถูกคัดลอกนำไปใช้ในปริญญานิพนธ์
ทั้งนี้เมื่อปี 2552 นายวิลเลียมยื่นร้องเรียนต่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยว่า ผลงานบทความทางวิชาการ ถูกลอกเลียนผลงาน เพื่อนำไปเป็นส่วนหนึ่งของปริญญานิพนธ์ระดับดุษฎีบัณฑิต แต่นายศุภชัย ผู้อำนวยการ สนช.ในขณะนั้น ฟ้องนายวิลเลียมข้อหาหมิ่นประมาท พร้อมกับคดีอื่นๆ รวม 9 คดี แต่ศาลตัดสินให้วิลเลียมชนะในทุกคดี
หลังจากนั้นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำการตรวจสอบย้อนหลัง พบว่าปริญญานิพนธ์ของนายศุภชัยเข้าข่ายลอกเลียนวรรณกรรมโดยมิชอบ จึงเพิกถอนปริญญาดุษฎีบัณฑิตของนายศุภชัย ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย.2555 และนับเป็นการเพิกถอนปริญญาครั้งแรกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปัจจุบันยังมีคดีที่นายศุภชัยฟ้องวิลเลียม พร้อมกับนักข่าวและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ข้อหาหมิ่นประมาทอีกหนึ่งคดี
วิลเลียมบอกว่าเขาอยู่ไทยมา 30 ปีแล้ว และเดินทางเข้าออกประเทศด้วยหนังสือเดินทางไทย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาใช้หนังสือเดินทางอังกฤษ เมื่อกลับเข้าประเทศไทยจึงทราบว่าถูกขึ้นบัญชีดำ
"การขึ้นแบล็คลิสต์ มีผลร้ายแรงต่อชีวิตของคนนั้นๆ และครอบครัว ควรให้โอกาสเจ้าตัวได้ชี้แจง เมื่อสรรพากรมาตรวจ เขาขอให้ไปชี้แจง และผมต้องไปชี้แจงเป็นระยะๆ เป็นเวลา 3 ปี ผมมีโอกาสยื่นหลักฐานและชี้แจง เพื่อหักล้างการกล่าวหา การขึ้นแบล็คลิสต์บุคคลก็ควรทำเช่นเดียวกันเพื่อจะได้ให้เขามีโอกาสพิสูจน์ความบริสุทธิ์" นายวิลเลียมกล่าว
นายวิลเลียมกล่าวว่าระหว่างที่ถูกกักตัวเขาได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเป็นอย่างดี แต่อยากฝากถึงหน่วยงานรัฐว่า ควรจะเพิ่มความเข้มงวดในระบบตรวจสอบการบริหารเงิน โดยเฉพาะในองค์การมหาชน เพื่อหลีกเลี่ยงผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างที่เคยเกิดขึ้น