เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ศาลได้มีคำพิพากษาคดีดำ อ.1197/58 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้อง นายศักดิ์ชัย หรือชัย กลิ่นพงษ์ อายุ 38 ปี , นายอธิคม หรือ มีน ลงทอง อายุ 25 ปี , นายสุพจน์ หรือเบส กัญญาโภค อายุ 33 ปี , นายมานะศักดิ์หรือปาน โพธิ์ทอง อายุ 24 ปี และ นายสำเริง บุญแจ้ง อายุ 43 ปี ร่วมกันเป็นจำเลยที่1-5 ในความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 , พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2551และหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ
ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 57 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างต้นเดือน มี.ค. 56 - 14 ก.พ. 57 จำเลยทั้งห้าร่วมกัน ล่อลวงผู้เสียหายอายุไม่เกิน 18 ปี รวม 9 คน และอายุเกิน 18 ปี อีก 1คน รวม 10 คน ผู้เสียหาย จากบิดา มารดา หรือผู้ปกครองให้มาทำงานติดตามทวงหนี้นอกระบบ ให้จำเลยที่ 1 และ 5 ซึ่งเป็นเจ้าของเงินทุนปล่อยกู้ ดอกเบี้ยสูงกว่าร้อยละ 20 โดยจำเลยมีที่พักให้ และให้ผู้เสียหายนั่งซ้อนท้าย จยย.ไปกับจำเลยที่ 2–4 และลูกน้องคนอื่น ๆ ที่ยังหลบหนี ซึ่งเริ่มทำงานตั้งแต่เวลา 09.00 – 18.00 น. ทุกวันไม่มีวันหยุด หากไปทำงานสายจะถูกลงโทษโดยใช้สายยางตีหรือสั่งให้ พวกผู้เสียหายใช้สายยางผลัดกันตีกันเอง หากเก็บเงินไม่ครบหรือทำบัญชีไม่เป็น จะถูกตีด้วยด้ามไม้กวาดหรือแกนโช้คอัพ จยย.ซึ่งเป็นโลหะจนบาดเจ็บและมีผู้เสียหายบางคนได้หลบหนี เมื่อถูกจับได้ก็ถูกจับใส่กุญแจมือและตีด้วยเหล็กโช้คอัพจยย. เหตุเกิดที่อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) รับแจ้งจากญาติผู้เสียหายจึงเข้าจับกุมพวกจำเลย ซึ่งให้การปฏิเสธมาโดยตลอด
.
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่าย ที่นำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ ซึ่งมีผู้เสียหาย และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเบิกความสอดคล้อง สมเหตุผล มีน้ำหนักน่าเชื่อถือว่า จำเลยที่ 1และ 5 มีความผิดตามฟ้องจริง
ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 1และ 5 ไม่สามารถหักล้างพยานโจทก์ได้ เป็นความผิดกฎหมายหลายบทต่างกัน พิพากษา ฐานสมคบกันกระทำผิดค้ามนุษย์ฯพรากผู้เยาว์ ฯ และอื่น ๆ รวม
จำคุกจำเลยที่ 1 และ 5 ไว้คนละ 43 ปี ปรับคนละ 9 หมื่นบาท และให้ทั้งสองร่วมกันชดใช้ชำระค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายรวม 1,058,600 บาท
ส่วนจำเลยที่ 3 ผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้มีการข่มขืนใจผู้อื่นจำคุก 1 ปี
สำหรับจำเลยที่ 2 และ 4 พยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่ากระทำผิด จึงให้ยกฟ้อง
ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 57 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างต้นเดือน มี.ค. 56 - 14 ก.พ. 57 จำเลยทั้งห้าร่วมกัน ล่อลวงผู้เสียหายอายุไม่เกิน 18 ปี รวม 9 คน และอายุเกิน 18 ปี อีก 1คน รวม 10 คน ผู้เสียหาย จากบิดา มารดา หรือผู้ปกครองให้มาทำงานติดตามทวงหนี้นอกระบบ ให้จำเลยที่ 1 และ 5 ซึ่งเป็นเจ้าของเงินทุนปล่อยกู้ ดอกเบี้ยสูงกว่าร้อยละ 20 โดยจำเลยมีที่พักให้ และให้ผู้เสียหายนั่งซ้อนท้าย จยย.ไปกับจำเลยที่ 2–4 และลูกน้องคนอื่น ๆ ที่ยังหลบหนี ซึ่งเริ่มทำงานตั้งแต่เวลา 09.00 – 18.00 น. ทุกวันไม่มีวันหยุด หากไปทำงานสายจะถูกลงโทษโดยใช้สายยางตีหรือสั่งให้ พวกผู้เสียหายใช้สายยางผลัดกันตีกันเอง หากเก็บเงินไม่ครบหรือทำบัญชีไม่เป็น จะถูกตีด้วยด้ามไม้กวาดหรือแกนโช้คอัพ จยย.ซึ่งเป็นโลหะจนบาดเจ็บและมีผู้เสียหายบางคนได้หลบหนี เมื่อถูกจับได้ก็ถูกจับใส่กุญแจมือและตีด้วยเหล็กโช้คอัพจยย. เหตุเกิดที่อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) รับแจ้งจากญาติผู้เสียหายจึงเข้าจับกุมพวกจำเลย ซึ่งให้การปฏิเสธมาโดยตลอด
.
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่าย ที่นำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ ซึ่งมีผู้เสียหาย และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเบิกความสอดคล้อง สมเหตุผล มีน้ำหนักน่าเชื่อถือว่า จำเลยที่ 1และ 5 มีความผิดตามฟ้องจริง
ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 1และ 5 ไม่สามารถหักล้างพยานโจทก์ได้ เป็นความผิดกฎหมายหลายบทต่างกัน พิพากษา ฐานสมคบกันกระทำผิดค้ามนุษย์ฯพรากผู้เยาว์ ฯ และอื่น ๆ รวม
จำคุกจำเลยที่ 1 และ 5 ไว้คนละ 43 ปี ปรับคนละ 9 หมื่นบาท และให้ทั้งสองร่วมกันชดใช้ชำระค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายรวม 1,058,600 บาท
ส่วนจำเลยที่ 3 ผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้มีการข่มขืนใจผู้อื่นจำคุก 1 ปี
สำหรับจำเลยที่ 2 และ 4 พยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่ากระทำผิด จึงให้ยกฟ้อง
