นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษาจำคุก ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ์ อดีตประธานบอร์ดบริหารธนาคารกรุงไทย และนายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย เป็นเวลา 18 ปี ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้ธนาคารกรุงไทยปล่อยเงินกู้ให้บริษัทกฤษฎามหานครกว่า 9 พันล้าน ซึ่งข้อเท็จจริงในกรณีนี้มีเงินไหลเข้าบัญชีนายพานทองแท้ ชินวัตร เป็นเงินรวม 17 ล้านบาทจริง ซึ่งในชั้นการสอบสวนของคณะกรรมาการป้องกันการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีชื่อและหลักฐานการโอนเงิน เข้าบัญชีนายพานทองแท้ ทั้ง 17 ล้านบาทอย่างชัดเจน แต่เมื่อสำนวนดำเนินการไปถึงชั้นอัยการ กลับพบว่าชื่อนายพานทองแท้ ได้หลุดหายไป ตนจึงขอเรียกร้องให้อัยการสูงสุดตั้งคณะกรรมาสอบสวนถึงกรณีชื่อของนายพานทองแท้ หลุดหายไปในคดีที่ส่งฟ้องศาล และให้มีการรื้อฟื้นคดี นายพานทองแท้ และบุคคลคนที่มีชื่อหลุดหายไปในชั้นอัยการ ในของหารับของโจร ซึ่งถือได้ว่าเป็นเงินสินบน
ส่วนกรณีพนักงานกรุงไทยเรียกร้องลงชื่อ เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษนั้น นายวัชระ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และไม่พึ่งกระทำในฐานะเป็นพนักงานธนาคารกรุงไทย ซึ่งถือเป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐบาล เพราะผู้บริหารธนาคารกรุงไทย กระทำความผิดจริงและทำให้เงินของแผ่นดินเสียหาย แต่พนักงานกรุงไทยจะปกป้องอดีตเจ้านายถือเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ไม่ควรใช่ชื่อพนักงานกรุงไทย ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท
ส่วนกรณีพนักงานกรุงไทยเรียกร้องลงชื่อ เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษนั้น นายวัชระ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และไม่พึ่งกระทำในฐานะเป็นพนักงานธนาคารกรุงไทย ซึ่งถือเป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐบาล เพราะผู้บริหารธนาคารกรุงไทย กระทำความผิดจริงและทำให้เงินของแผ่นดินเสียหาย แต่พนักงานกรุงไทยจะปกป้องอดีตเจ้านายถือเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ไม่ควรใช่ชื่อพนักงานกรุงไทย ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท