ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) เนื่องจากการร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นจีน ได้ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวลงด้วย
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 24 ส.ค. ในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 588.40 จุด หรือ 3.57% ปิดที่ 15,871.35 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 77.68 จุด หรือ 3.94% ปิดที่ 1,893.21 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กลดลง 179.79 จุด หรือ 3.82% ปิดที่ 4,526.25 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างตื่นตระหนก หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกถูกกระหน่ำขายเมื่อวานนี้ โดยเฉพาะดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนที่ดิ่งลงไปกว่า 8% แม้มีรายงานว่าทางการจีนเปิดทางให้กองทุนบำเหน็จบำนาญสามารถลงทุนในตลาดหุ้นได้ก็ตาม
กระแสความตื่นตระหนกดังกล่าวส่งผลให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กตัดสินใจออกมาตรการเฉพาะกิจ โดยห้ามไม่ให้ผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ทำการเผยแพร่เครื่องบ่งชี้ราคาก่อนตลาดเปิด ซึ่งนับเป็นความความพยายามที่จะทำให้ตลาดเปิดการซื้อขายได้อย่างราบรื่นและรวดเร็วขึ้นในวันซื้อขายที่เต็มไปด้วยความผันผวน
นักลงทุนกังวลว่า การร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนนั้น อาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐและจีน โดยมาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัวต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปีในเดือนส.ค.
อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นสหรัฐฯปิดตลาดโดยฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดของวัน ซึ่งดาวโจนส์ดิ่งลงทันทีมากกว่า 1,000 จุด หรือราว 6% หลังเปิดตลาด ขณะที่แนสแด็กลดลงกว่า 9% โดยข่าวที่ช่วยกระตุ้นให้ดัชนีหุ้นฟื้นตัวกลับมาได้บ้างคือ ทิม คุก ซีอีโอ ของบริษัท แอปเปิล ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง 'ซีเอ็นบีซี' เครือข่ายโทรทัศน์เคเบิลที่เสนอข่าวสารเกี่ยวกับตลาดหุ้นทั่วโลก ยืนยันว่า พวกเขายังคงเชื่อมั่นในตลาดหุ้นของจีน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นทั่วโลกส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงานทั่วโลก
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส งวดส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 2.21 ดอลลาร์ ร้อยละ 5.5 ปิดที่ 38.24 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แตะระดับต่ำกว่า 40 ดอลลาร์ครั้งแรกในรอบ 6 ปี จากความกังวลของนักลงทุนต่อตลาดหุ้นจีน
ด้านเบรนท์ลอนดอน งวดส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 2.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 42.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบเนื่องจากความวิตกกังวลว่า การร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลกอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงานทั่วโลกอ่อนแรงลงด้วย โดยเมื่อวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนที่ดิ่งลงไปกว่า 8% แม้มีรายงานว่าทางการจีนเปิดทางให้กองทุนบำเหน็จบำนาญสามารถลงทุนในตลาดหุ้นได้ก็ตาม
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นทั่วโลกได้ส่งผลให้เกิดแรงเทขายในสัญญาโลหะมีค่าและโลหะประเภทอื่นๆ ซึ่งการร่วงลงของตลาดหุ้นได้บดบังปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์
ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์-COMEX (Commodity Exchange) นิวยอร์ก สหรัฐ ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 6 ดอลลาร์ หรือร้อยละ 0.5 ปิดที่ 1,153.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากแรงขายในตลาดโลหะมีค่าและโลหะประเภทอื่นๆ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลว่า การร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นทั่วโลกอาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงด้วย
แม้ว่าตลาดหุ้นจีน และสหรัฐ กำลังร่วงลงอย่างหนัก แต่ทองคำยังคงไม่กระทบมากนัก เนื่องจากนักลงทุนยังมองเป็นทรัพย์สินที่ปลอดภัย
ความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวได้สกัดปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ร่วงลง 1.27% แตะที่ 93.58 เมื่อคืนนี้ ซึ่งโดยปกติแล้ว การอ่อนค่าของดอลลาร์จะทำให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ
สรุปดัชนีหุ้นทั่วโลก
ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 15,871.35 จุด ลดลง 588.40 จุด -3.57%
ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,526.25 จุด ลดลง 179.79 จุด -3.82%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,893.21 จุด ลดลง 77.68 จุด -3.94%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,898.87 จุด ลดลง 288.78 จุด -4.67%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,648.43 จุด ลดลง 476.09 จุด -4.70%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,383.46 จุด ลดลง 247.53 จุด -5.35%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 7,410.34 จุด ลดลง 376.58 จุด -4.84%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 18,540.68 จุด ลดลง 895.15 จุด -4.61%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,829.81 จุด ลดลง 46.26 จุด -2.47%
ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,014.20 จุด ลดลง 210.60 จุด -4.03%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,001.30 จุด ลดลง 213.30 จุด -4.09%
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,209.91 จุด ลดลง 297.84 จุด -8.49%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,791.01 จุด ลดลง 487.97 จุด -6.70%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 21,251.57 จุด ลดลง 1,158.05 จุด -5.17%
ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,163.73 จุด ลดลง 172.22 จุด -3.97%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,532.14 จุด ลดลง 42.53 จุด -2.70%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,843.39 จุด ลดลง 127.62 จุด -4.30%
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 25,741.56 จุด ลดลง 1,624.51 จุด -5.94%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 24 ส.ค. ในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 588.40 จุด หรือ 3.57% ปิดที่ 15,871.35 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 77.68 จุด หรือ 3.94% ปิดที่ 1,893.21 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กลดลง 179.79 จุด หรือ 3.82% ปิดที่ 4,526.25 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างตื่นตระหนก หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกถูกกระหน่ำขายเมื่อวานนี้ โดยเฉพาะดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนที่ดิ่งลงไปกว่า 8% แม้มีรายงานว่าทางการจีนเปิดทางให้กองทุนบำเหน็จบำนาญสามารถลงทุนในตลาดหุ้นได้ก็ตาม
กระแสความตื่นตระหนกดังกล่าวส่งผลให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กตัดสินใจออกมาตรการเฉพาะกิจ โดยห้ามไม่ให้ผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ทำการเผยแพร่เครื่องบ่งชี้ราคาก่อนตลาดเปิด ซึ่งนับเป็นความความพยายามที่จะทำให้ตลาดเปิดการซื้อขายได้อย่างราบรื่นและรวดเร็วขึ้นในวันซื้อขายที่เต็มไปด้วยความผันผวน
นักลงทุนกังวลว่า การร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนนั้น อาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐและจีน โดยมาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัวต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปีในเดือนส.ค.
อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นสหรัฐฯปิดตลาดโดยฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดของวัน ซึ่งดาวโจนส์ดิ่งลงทันทีมากกว่า 1,000 จุด หรือราว 6% หลังเปิดตลาด ขณะที่แนสแด็กลดลงกว่า 9% โดยข่าวที่ช่วยกระตุ้นให้ดัชนีหุ้นฟื้นตัวกลับมาได้บ้างคือ ทิม คุก ซีอีโอ ของบริษัท แอปเปิล ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง 'ซีเอ็นบีซี' เครือข่ายโทรทัศน์เคเบิลที่เสนอข่าวสารเกี่ยวกับตลาดหุ้นทั่วโลก ยืนยันว่า พวกเขายังคงเชื่อมั่นในตลาดหุ้นของจีน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นทั่วโลกส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงานทั่วโลก
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส งวดส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 2.21 ดอลลาร์ ร้อยละ 5.5 ปิดที่ 38.24 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แตะระดับต่ำกว่า 40 ดอลลาร์ครั้งแรกในรอบ 6 ปี จากความกังวลของนักลงทุนต่อตลาดหุ้นจีน
ด้านเบรนท์ลอนดอน งวดส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 2.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 42.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบเนื่องจากความวิตกกังวลว่า การร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลกอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงานทั่วโลกอ่อนแรงลงด้วย โดยเมื่อวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนที่ดิ่งลงไปกว่า 8% แม้มีรายงานว่าทางการจีนเปิดทางให้กองทุนบำเหน็จบำนาญสามารถลงทุนในตลาดหุ้นได้ก็ตาม
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นทั่วโลกได้ส่งผลให้เกิดแรงเทขายในสัญญาโลหะมีค่าและโลหะประเภทอื่นๆ ซึ่งการร่วงลงของตลาดหุ้นได้บดบังปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์
ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์-COMEX (Commodity Exchange) นิวยอร์ก สหรัฐ ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 6 ดอลลาร์ หรือร้อยละ 0.5 ปิดที่ 1,153.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากแรงขายในตลาดโลหะมีค่าและโลหะประเภทอื่นๆ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลว่า การร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นทั่วโลกอาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงด้วย
แม้ว่าตลาดหุ้นจีน และสหรัฐ กำลังร่วงลงอย่างหนัก แต่ทองคำยังคงไม่กระทบมากนัก เนื่องจากนักลงทุนยังมองเป็นทรัพย์สินที่ปลอดภัย
ความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวได้สกัดปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ร่วงลง 1.27% แตะที่ 93.58 เมื่อคืนนี้ ซึ่งโดยปกติแล้ว การอ่อนค่าของดอลลาร์จะทำให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ
สรุปดัชนีหุ้นทั่วโลก
ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 15,871.35 จุด ลดลง 588.40 จุด -3.57%
ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,526.25 จุด ลดลง 179.79 จุด -3.82%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,893.21 จุด ลดลง 77.68 จุด -3.94%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,898.87 จุด ลดลง 288.78 จุด -4.67%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,648.43 จุด ลดลง 476.09 จุด -4.70%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,383.46 จุด ลดลง 247.53 จุด -5.35%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 7,410.34 จุด ลดลง 376.58 จุด -4.84%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 18,540.68 จุด ลดลง 895.15 จุด -4.61%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,829.81 จุด ลดลง 46.26 จุด -2.47%
ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,014.20 จุด ลดลง 210.60 จุด -4.03%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,001.30 จุด ลดลง 213.30 จุด -4.09%
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,209.91 จุด ลดลง 297.84 จุด -8.49%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,791.01 จุด ลดลง 487.97 จุด -6.70%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 21,251.57 จุด ลดลง 1,158.05 จุด -5.17%
ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,163.73 จุด ลดลง 172.22 จุด -3.97%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,532.14 จุด ลดลง 42.53 จุด -2.70%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,843.39 จุด ลดลง 127.62 จุด -4.30%
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 25,741.56 จุด ลดลง 1,624.51 จุด -5.94%