สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ (31 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ต้นทุนการจ้างงานในไตรมาส 2 ปีนี้ เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบกว่า 30 ปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ถึงความเปราะบางของตลาดแรงงานสหรัฐ และทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะชะลอการตัดสินใจเรื่องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 6.4 ดอลลาร์ หรือ 0.59% ปิดที่ 1,095.10 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีต้นทุนการจ้างงาน (ECI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนแรงงานที่กว้างที่สุด ขยับขึ้นเพียง 0.2% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 33 ปี และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ข้อมูลดังกล่าวอาจทำให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนี ECI ถือเป็นมาตรวัดที่น่าเชื่อถือสำหรับภาวะตลาดแรงงาน และเป็นตัวคาดการณ์ที่ดีสำหรับอัตราเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังดีดตัวขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลง 0.27% แตะที่ 97.22 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
ด้านสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนวันศุกร์ (31 ก.ค.) หลังจากสหรัฐรายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดโลกที่สูงเกินไป นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทพลังงานรายใหญ่อย่างเอ็กซอน โมบิล และเชฟรอน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.4 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 1.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 52.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดยังคงสร้างแรงกดดันให้กับตลาดน้ำมันนิวยอร์ก โดยเบเกอร์ ฮิวจ์รายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 5 แห่ง เป็น 664 แท่น ซึ่งส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า อุปทานน้ำมันในสหรัฐและตลาดโลกยังคงอยู่ในระดับที่สูงเกินไป
ขณะเดียวกันตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า อิหร่านอาจจะผลิตและส่งออกน้ำมันได้มากขึ้น เมื่อการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านมีผลบังคับใช้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะยิ่งทำให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นด้วย
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนวันศุกร์ (31 ก.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากบริษัทพลังงานรายใหญ่ รวมถึงเอ็กซอน โมบิล และเชฟรอน เปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ อันเป็นผลมาจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,689.86 จุด ลดลง 56.12 จุด หรือ -0.32% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,103.84 จุด ลดลง 4.79 จุด หรือ -0.23% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,128.28 จุด ลดลง 0.50 จุด หรือ -0.01%
ส่วนตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 0.7% ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 1.2% และดัชนี NASDAQ ขยับขึ้น 0.8%
สรุปดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก (ศุกร์ 31 ก.ค.)
ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,689.86 จุด ลดลง 56.12 จุด, -0.32%
ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,128.28 จุด ลดลง 0.50 จุด, -0.01%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,103.84 จุด ลดลง 4.79 จุด, -0.23%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,082.61 จุด เพิ่มขึ้น 36.19 จุด, +0.72%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,308.99 จุด เพิ่มขึ้น 51.84 จุด, +0.46%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,696.28 จุด เพิ่มขึ้น 27.41 จุด, +0.41%
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 28,114.56 จุด เพิ่มขึ้น 409.21 จุด, +1.48%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,202.50 จุด ลดลง 47.02 จุด, -1.45%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,723.14 จุด เพิ่มขึ้น 23.22 จุด, +1.37%
ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,802.53 จุด เพิ่มขึ้น 90.04 จุด, +1.91%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 24,636.28 จุด เพิ่มขึ้น 138.30 จุด, +0.56%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,550.00 จุด เพิ่มขึ้น 39.61 จุด, +0.53%
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,663.73 จุด ลดลง 42.04 จุด, -1.13%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,699.20 จุด เพิ่มขึ้น 29.70 จุด, +0.52%
ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,681.70 จุด เพิ่มขึ้น 28.60 จุด, +0.51%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,030.16 จุด เพิ่มขึ้น 11.13 จุด, +0.55%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 20,585.24 จุด เพิ่มขึ้น 62.41 จุด, +0.30%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,665.34 จุด เพิ่มขึ้น 13.85 จุด, +0.16%
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 6.4 ดอลลาร์ หรือ 0.59% ปิดที่ 1,095.10 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีต้นทุนการจ้างงาน (ECI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนแรงงานที่กว้างที่สุด ขยับขึ้นเพียง 0.2% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 33 ปี และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ข้อมูลดังกล่าวอาจทำให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนี ECI ถือเป็นมาตรวัดที่น่าเชื่อถือสำหรับภาวะตลาดแรงงาน และเป็นตัวคาดการณ์ที่ดีสำหรับอัตราเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังดีดตัวขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลง 0.27% แตะที่ 97.22 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
ด้านสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนวันศุกร์ (31 ก.ค.) หลังจากสหรัฐรายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดโลกที่สูงเกินไป นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทพลังงานรายใหญ่อย่างเอ็กซอน โมบิล และเชฟรอน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.4 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 1.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 52.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดยังคงสร้างแรงกดดันให้กับตลาดน้ำมันนิวยอร์ก โดยเบเกอร์ ฮิวจ์รายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 5 แห่ง เป็น 664 แท่น ซึ่งส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า อุปทานน้ำมันในสหรัฐและตลาดโลกยังคงอยู่ในระดับที่สูงเกินไป
ขณะเดียวกันตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า อิหร่านอาจจะผลิตและส่งออกน้ำมันได้มากขึ้น เมื่อการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านมีผลบังคับใช้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะยิ่งทำให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นด้วย
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนวันศุกร์ (31 ก.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากบริษัทพลังงานรายใหญ่ รวมถึงเอ็กซอน โมบิล และเชฟรอน เปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ อันเป็นผลมาจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,689.86 จุด ลดลง 56.12 จุด หรือ -0.32% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,103.84 จุด ลดลง 4.79 จุด หรือ -0.23% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,128.28 จุด ลดลง 0.50 จุด หรือ -0.01%
ส่วนตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 0.7% ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 1.2% และดัชนี NASDAQ ขยับขึ้น 0.8%
สรุปดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก (ศุกร์ 31 ก.ค.)
ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,689.86 จุด ลดลง 56.12 จุด, -0.32%
ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,128.28 จุด ลดลง 0.50 จุด, -0.01%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,103.84 จุด ลดลง 4.79 จุด, -0.23%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,082.61 จุด เพิ่มขึ้น 36.19 จุด, +0.72%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,308.99 จุด เพิ่มขึ้น 51.84 จุด, +0.46%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,696.28 จุด เพิ่มขึ้น 27.41 จุด, +0.41%
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 28,114.56 จุด เพิ่มขึ้น 409.21 จุด, +1.48%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,202.50 จุด ลดลง 47.02 จุด, -1.45%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,723.14 จุด เพิ่มขึ้น 23.22 จุด, +1.37%
ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,802.53 จุด เพิ่มขึ้น 90.04 จุด, +1.91%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 24,636.28 จุด เพิ่มขึ้น 138.30 จุด, +0.56%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,550.00 จุด เพิ่มขึ้น 39.61 จุด, +0.53%
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,663.73 จุด ลดลง 42.04 จุด, -1.13%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,699.20 จุด เพิ่มขึ้น 29.70 จุด, +0.52%
ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,681.70 จุด เพิ่มขึ้น 28.60 จุด, +0.51%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,030.16 จุด เพิ่มขึ้น 11.13 จุด, +0.55%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 20,585.24 จุด เพิ่มขึ้น 62.41 จุด, +0.30%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,665.34 จุด เพิ่มขึ้น 13.85 จุด, +0.16%