ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดอัตราอ้างอิงเฉลี่ยค่าเงินหยวนประจำวันติดต่อกันเป็นวันที่ 2 อีกร้อยละ 1.6 หรือ 6.3306 หยวนต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนตัวลงจากเดิมที่มีการประกาศลดค่าเงินลงถึงร้อยละ 1.86 เมื่อวานนี้ (11 ส.ค.) แตะจุดต่ำสุดในรอบ 4 ปี ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2554
การลดค่าเงินหยวนของจีนในครั้งนี้ส่งผลให้ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงปรับตัวลดลงร้อยละ 2.4 ปิดที่ 23, 916.02 จุด ขณะที่ดัชนีนิคเคอิของญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 1.6 ปิดตัวที่ 20,392.77 จุด ต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เช่นเดียวกับดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ที่ปรับตัวลดลงถึงร้อยละ 1.9 ระหว่างการซื้อขายในวันนี้ ซึ่งลดลงมากที่สุดประวัติการณ์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2556
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จีนคาดว่า การลดค่าเงินหยวนในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นการส่งออกของจีน หลังจากที่อัตราการส่งออกลดลงถึงร้อยละ 8.3 ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งการปรับลดค่าเงินหยวนจะทำให้สินค้าจีนในต่างประเทศมีราคาถูกลงและอาจกระตุ้นยอดขายได้มากขึ้นกว่าเดิม
ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของจีน มีการขยายตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับอัตราการผลิตของภาคอุตสาหกรรมซึ่งขยายตัวลดลงจากปีก่อนและอัตราการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรที่ขยายตัวต่ำกว่าประมาณการณ์
การลดค่าเงินหยวนของจีนในครั้งนี้ส่งผลให้ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงปรับตัวลดลงร้อยละ 2.4 ปิดที่ 23, 916.02 จุด ขณะที่ดัชนีนิคเคอิของญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 1.6 ปิดตัวที่ 20,392.77 จุด ต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เช่นเดียวกับดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ที่ปรับตัวลดลงถึงร้อยละ 1.9 ระหว่างการซื้อขายในวันนี้ ซึ่งลดลงมากที่สุดประวัติการณ์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2556
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จีนคาดว่า การลดค่าเงินหยวนในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นการส่งออกของจีน หลังจากที่อัตราการส่งออกลดลงถึงร้อยละ 8.3 ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งการปรับลดค่าเงินหยวนจะทำให้สินค้าจีนในต่างประเทศมีราคาถูกลงและอาจกระตุ้นยอดขายได้มากขึ้นกว่าเดิม
ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของจีน มีการขยายตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับอัตราการผลิตของภาคอุตสาหกรรมซึ่งขยายตัวลดลงจากปีก่อนและอัตราการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรที่ขยายตัวต่ำกว่าประมาณการณ์