วันนี้ (11 ส.ค.58) สถาบันคุ้มครองเงินฝาก จะลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากจาก 50 ล้านบาทต่อราย ต่อสถาบันการเงิน เหลือ 25 ล้านบาท นายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย มั่นใจธนาคารพาณิชย์ไทย มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งกว่าในอดีต จึงมีโอกาสน้อยมากที่ประเทศไทยจะเกิดปัญหาวิกฤติทางการเงิน และผู้ฝากเงินส่วนใหญ่ของไทย 67.2 ล้านราย เป็นผู้ฝากเงินระดับไม่เกิน 25 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 99.94 ของผู้ฝากเงินทั้งระบบ จากยอดเงินรับฝากจากประชาชนรวม 11.62 ล้านล้านบาท จึงไม่กระทบมากนัก รวมทั้งการคุ้มครองเงินฝากยังสูงกว่าประเทศอื่นๆ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การลดความคุ้มครองเงินฝากครั้งนี้ จะผ่านไปได้อย่างราบรื่น แต่การลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือเพียง 1 ล้านบาทต่อสถาบันการเงิน ในปีหน้า (2559) จะใกล้เคียงกับการบังคับใช้หลักเกณฑ์การดำรงสภาพคล่องใหม่ หรือ LCR ของธนาคารแห่งประเทศไทย แต่เชื่อว่า สถานะทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ไทยที่เข้มแข็ง และสภาพคล่องของระบบธนาคารไทยที่ยังอยู่ในระดับสูง คงเพียงพอต่อการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ฝากเงินไทย
สำหรับพ.ร.บ. สถาบันคุ้มครองเงินฝาก มีผลใช้บังคับมาตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2551 ได้ทยอยปรับวงเงินคุ้มครองเงินฝากต่อเนื่อง โดยในปี 2559 จะปรับลดเหลือ 1 ล้านบาทต่อรายต่อสถาบันการเงิน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การลดความคุ้มครองเงินฝากครั้งนี้ จะผ่านไปได้อย่างราบรื่น แต่การลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือเพียง 1 ล้านบาทต่อสถาบันการเงิน ในปีหน้า (2559) จะใกล้เคียงกับการบังคับใช้หลักเกณฑ์การดำรงสภาพคล่องใหม่ หรือ LCR ของธนาคารแห่งประเทศไทย แต่เชื่อว่า สถานะทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ไทยที่เข้มแข็ง และสภาพคล่องของระบบธนาคารไทยที่ยังอยู่ในระดับสูง คงเพียงพอต่อการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ฝากเงินไทย
สำหรับพ.ร.บ. สถาบันคุ้มครองเงินฝาก มีผลใช้บังคับมาตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2551 ได้ทยอยปรับวงเงินคุ้มครองเงินฝากต่อเนื่อง โดยในปี 2559 จะปรับลดเหลือ 1 ล้านบาทต่อรายต่อสถาบันการเงิน