สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 8.6 ดอลลาร์ หรือ 0.79% ปิดที่ 1,085.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวลดลง 4.1% ในสัปดาห์นี้ ทำสถิติลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน
ราคาทองคำปรับตัวลดลง เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ในตระกร้าเงินเมื่อคืนนี้
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดสกุลเงินดอลลาร์เทียบกัลสกุลเงินหลักในตระกร้าเงิน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.07% แตะที่ 97.27
โดยปกติ ราคาทองคำและสกุลเงินดอลลาร์จะเคลื่อนไหวในทิศทางที่ตรงกันข้าม เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์จะส่งผลให้ทองคำมีราคาสูงขึ้นสำหรับนักลงทุน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) เนื่องจากตลาดได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปทานที่สูงเกินไป
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 31 เซนต์ ปิดที่ 48.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 65 เซนต์ ปิดที่ 54.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงหลังรายงานของเบเกอร์ ฮิวส์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านน้ำมันระบุว่า บริษัทน้ำมันสหรัฐมีจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวลดลง
รายงานดังกล่าวระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะที่เปิดดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้น 21 แห่ง แตะที่ 659 แห่งในสัปดาห์นี้
ด้านสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 463.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 24 ก.ค. ในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 163.39 จุด หรือ 0.92% ปิดที่ 17,568.53 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 22.50 จุด หรือ 1.07% ปิดที่ 2,079.65 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กลดลง 57.78 จุด หรือ 1.12% ปิดที่ 5,088.63 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงหลังผลสำรวจของมาร์กิต อิโคโนมิคส์ บ่งชี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซนในเดือนก.ค.ปรับลงแตะ 53.7 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จาก 54.2 ในเดือนมิ.ย.
สำหรับดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นในเดือนก.ค.ขยับลงแตะ 52.2 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 52.5 ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ค.ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 53.8 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 2 เดือน เมื่อเทียบกับระดับ 54.4 ในเดือนมิ.ย.
ในขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นในยุโรปได้ปรับตัวลดลงอย่างมากเมื่อคืนนี้อันเนื่องมาจากสัญญาณการชะลอตัวลงของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 8.6 ดอลลาร์ หรือ 0.79% ปิดที่ 1,085.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวลดลง 4.1% ในสัปดาห์นี้ ทำสถิติลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน
ราคาทองคำปรับตัวลดลง เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ในตระกร้าเงินเมื่อคืนนี้
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดสกุลเงินดอลลาร์เทียบกัลสกุลเงินหลักในตระกร้าเงิน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.07% แตะที่ 97.27
โดยปกติ ราคาทองคำและสกุลเงินดอลลาร์จะเคลื่อนไหวในทิศทางที่ตรงกันข้าม เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์จะส่งผลให้ทองคำมีราคาสูงขึ้นสำหรับนักลงทุน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) เนื่องจากตลาดได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปทานที่สูงเกินไป
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 31 เซนต์ ปิดที่ 48.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 65 เซนต์ ปิดที่ 54.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงหลังรายงานของเบเกอร์ ฮิวส์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านน้ำมันระบุว่า บริษัทน้ำมันสหรัฐมีจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวลดลง
รายงานดังกล่าวระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะที่เปิดดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้น 21 แห่ง แตะที่ 659 แห่งในสัปดาห์นี้
ด้านสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 463.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 24 ก.ค. ในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 163.39 จุด หรือ 0.92% ปิดที่ 17,568.53 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 22.50 จุด หรือ 1.07% ปิดที่ 2,079.65 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กลดลง 57.78 จุด หรือ 1.12% ปิดที่ 5,088.63 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงหลังผลสำรวจของมาร์กิต อิโคโนมิคส์ บ่งชี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซนในเดือนก.ค.ปรับลงแตะ 53.7 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จาก 54.2 ในเดือนมิ.ย.
สำหรับดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นในเดือนก.ค.ขยับลงแตะ 52.2 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 52.5 ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ค.ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 53.8 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 2 เดือน เมื่อเทียบกับระดับ 54.4 ในเดือนมิ.ย.
ในขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นในยุโรปได้ปรับตัวลดลงอย่างมากเมื่อคืนนี้อันเนื่องมาจากสัญญาณการชะลอตัวลงของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ