รัฐบาลฝ่ายซ้ายกรีซสะบักสะบอมผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปฉบับที่สอง ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาสำเร็จในตอนก่อนรุ่งสางวันพฤหัสบดี (23 ก.ค.) โดยยังต้องอาศัยเสียงสนับสนุนจากฝ่ายค้าน โฆษกรัฐบาลประกาศเดินหน้าเจรจากับฝ่ายเจ้าหนี้ระหว่างประเทศต่อไปทันที ขณะที่กรรมาธิการเศรษฐกิจและการเงินของสหภาพยุโรป(อียู) ขานรับแบบมองโลกแง่ดีว่าน่าจะทำความตกลงปล่อยกู้ก้อนใหม่ให้เอเธนส์ได้ภายในครึ่งหลังของเดือนหน้า
การปฏิรูประบบศาลและการธนาคาร ถือเป็นด่านสุดท้ายที่พวกเจ้าหนี้เรียกร้องตั้งเป็นเงื่อนไขจากทางการเอเธนส์ ก่อนยอมเปิดเจรจาโปรแกรมเงินกู้ก้อนใหม่มูลค่า 86,000 ล้านยูโร ทั้งนี้หากล้มเหลว กรีซจะเผชิญหายนะทางการเงินและหลุดจากยูโรโซน
ร่างกฎหมายปฏิรูปฉบับที่สองนี้ ส่วนหนึ่งมีเป้าหมายในการเร่งรัดกระบวนการในศาลโดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวกับรายได้ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งเป็นเรื่องกลไกด้านการธนาคาร เพื่อลดความเสี่ยงสำหรับรัฐบาลในยุโรปหากเกิดวิกฤตการธนาคารขึ้นมา โดยกำหนดให้เจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นเป็นผู้รับผิดชอบการขาดทุนของธนาคารก่อนผลักภาระให้รัฐ รวมถึงเพิ่มความเข้มงวดของกฎหมายการยึดทรัพย์สินจำนอง ถึงแม้นายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราสยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่ยอมให้ธนาคารยึดบ้านของลูกหนี้เด็ดขาด
ปรากฏว่าในที่สุดรัฐสภากรีซโหวตรับรองร่างกฎหมายปฏิรูปฉบับนี้ด้วยคะแนน 230-63 หลังจากอภิปรายกันอย่างดุเดือดและยืดเยื้อข้ามคืนจนถึงก่อนรุ่งสางวันพฤหัสบดี ทว่าคราวนี้ถือเป็นหนที่ 2 ในรอบสัปดาห์ที่ซีปราสไม่สามารถหยุดยั้งการก่อกบฎภายในพรรคไซรีซาของตนเองได้ และยังได้ชัยชนะในการลงคะแนน เพราะได้พึ่งพาเสียงของพวกพรรคฝ่ายค้านที่สนับสนุนการรวมตัวกับยุโรป
ขณะเดียวกัน ปิแอร์ มอสโควิชี กรรมาธิการเศรษฐกิจและการเงินยุโรป กล่าวว่า เจ้าหนี้ระหว่างประเทศจะพยายามสรุปข้อตกลงช่วยเหลือกรีซให้ได้ภายในช่วงครึ่งหลังของเดือนหน้า
นอกจากนั้น ในวันพุธ อีซีบียังประกาศเพิ่มสภาพคล่องฉุกเฉินให้ธนาคารพาณิชย์ของกรีซอีก 900 ล้านยูโร ซึ่งเป็นการอัดฉีดเงินสดเพิ่มครั้งที่สองในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ เพื่อให้มั่นใจว่า บรรดาธนาคารของกรีซมีเงินเพียงพอสำหรับการเบิกถอนของประชาชน หลังจากเอเธนส์ประกาศให้ธนาคารพาณิชย์กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อวันจันทร์ (20) จากที่ระงับการดำเนินการนาน 3 สัปดาห์ อย่างไรก็ดี มาตรการควบคุมเงินทุนหลายข้อยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป
การปฏิรูประบบศาลและการธนาคาร ถือเป็นด่านสุดท้ายที่พวกเจ้าหนี้เรียกร้องตั้งเป็นเงื่อนไขจากทางการเอเธนส์ ก่อนยอมเปิดเจรจาโปรแกรมเงินกู้ก้อนใหม่มูลค่า 86,000 ล้านยูโร ทั้งนี้หากล้มเหลว กรีซจะเผชิญหายนะทางการเงินและหลุดจากยูโรโซน
ร่างกฎหมายปฏิรูปฉบับที่สองนี้ ส่วนหนึ่งมีเป้าหมายในการเร่งรัดกระบวนการในศาลโดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวกับรายได้ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งเป็นเรื่องกลไกด้านการธนาคาร เพื่อลดความเสี่ยงสำหรับรัฐบาลในยุโรปหากเกิดวิกฤตการธนาคารขึ้นมา โดยกำหนดให้เจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นเป็นผู้รับผิดชอบการขาดทุนของธนาคารก่อนผลักภาระให้รัฐ รวมถึงเพิ่มความเข้มงวดของกฎหมายการยึดทรัพย์สินจำนอง ถึงแม้นายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราสยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่ยอมให้ธนาคารยึดบ้านของลูกหนี้เด็ดขาด
ปรากฏว่าในที่สุดรัฐสภากรีซโหวตรับรองร่างกฎหมายปฏิรูปฉบับนี้ด้วยคะแนน 230-63 หลังจากอภิปรายกันอย่างดุเดือดและยืดเยื้อข้ามคืนจนถึงก่อนรุ่งสางวันพฤหัสบดี ทว่าคราวนี้ถือเป็นหนที่ 2 ในรอบสัปดาห์ที่ซีปราสไม่สามารถหยุดยั้งการก่อกบฎภายในพรรคไซรีซาของตนเองได้ และยังได้ชัยชนะในการลงคะแนน เพราะได้พึ่งพาเสียงของพวกพรรคฝ่ายค้านที่สนับสนุนการรวมตัวกับยุโรป
ขณะเดียวกัน ปิแอร์ มอสโควิชี กรรมาธิการเศรษฐกิจและการเงินยุโรป กล่าวว่า เจ้าหนี้ระหว่างประเทศจะพยายามสรุปข้อตกลงช่วยเหลือกรีซให้ได้ภายในช่วงครึ่งหลังของเดือนหน้า
นอกจากนั้น ในวันพุธ อีซีบียังประกาศเพิ่มสภาพคล่องฉุกเฉินให้ธนาคารพาณิชย์ของกรีซอีก 900 ล้านยูโร ซึ่งเป็นการอัดฉีดเงินสดเพิ่มครั้งที่สองในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ เพื่อให้มั่นใจว่า บรรดาธนาคารของกรีซมีเงินเพียงพอสำหรับการเบิกถอนของประชาชน หลังจากเอเธนส์ประกาศให้ธนาคารพาณิชย์กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อวันจันทร์ (20) จากที่ระงับการดำเนินการนาน 3 สัปดาห์ อย่างไรก็ดี มาตรการควบคุมเงินทุนหลายข้อยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป
