นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ) กล่าวว่า จากการศึกษายังพบว่า อัตราการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้มีโอกาสขยายตัวร้อยละ 5 ต่อปี จากเดิมคาดว่าจะอยู่เพียงร้อยละ 2.9 ต่อปี แต่จากการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่อง ทำให้การใช้ไฟฟ้าในภาคใต้ขยายตัวตามไปด้วย คาดว่าในปี 2562 ความต้องการไฟฟ้าภาคใต้สูงสุดอยู่ที่ 3,062 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน 2,350 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ ภาคใต้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าปัจจุบัน 3,115 เมกะวัตต์ มีสัดส่วนต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติในการผลิตสูงถึงร้อยละ 50 แม้จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้า จากโรงไฟฟ้ารายเล็ก และเล็กมากในภาคใต้รวมกันอีกประมาณ 202 เมกะวัตต์ ยังมีความเสี่ยงไฟฟ้าไม่เพียงพอ หากแหล่งก๊าซธรรมชาติต้องปิดซ่อมบำรุงในแต่ละปี จึงจำเป็นต้องผลักดันให้เกิดโรงไฟฟ้าแห่งใหม่เพิ่มเติม เพื่อรองรับความต้องการใช้
ผู้ว่าการ กฟผ. ระบุด้วยว่า กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างเดินหน้าโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน 2 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าเทพา จังหวัดสงขลา กำลังผลิต 1,000 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดกระบี่ กำลังผลิต 800 เมกะวัตต์ เข้ามาเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานในภาคใต้
ทั้งนี้ ภาคใต้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าปัจจุบัน 3,115 เมกะวัตต์ มีสัดส่วนต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติในการผลิตสูงถึงร้อยละ 50 แม้จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้า จากโรงไฟฟ้ารายเล็ก และเล็กมากในภาคใต้รวมกันอีกประมาณ 202 เมกะวัตต์ ยังมีความเสี่ยงไฟฟ้าไม่เพียงพอ หากแหล่งก๊าซธรรมชาติต้องปิดซ่อมบำรุงในแต่ละปี จึงจำเป็นต้องผลักดันให้เกิดโรงไฟฟ้าแห่งใหม่เพิ่มเติม เพื่อรองรับความต้องการใช้
ผู้ว่าการ กฟผ. ระบุด้วยว่า กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างเดินหน้าโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน 2 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าเทพา จังหวัดสงขลา กำลังผลิต 1,000 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดกระบี่ กำลังผลิต 800 เมกะวัตต์ เข้ามาเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานในภาคใต้