นายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ(วิป สปช.)แถลงว่า หลังจากที่รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว)พ.ศ. 2557แก้ไขเพิ่มเติม มีผลบังคับใช้แล้ว ทำให้กรอบการทำงานของสปช.เปลี่ยนแปลงไป โดยมีเวลามากขึ้นจากเดิมที่กำหนดให้มีการประชุม สปช.ในวันที่ 25 – 26 กรกฎาคมนี้ เปลี่ยนเป็นวันที่ 5 และ วันที่ 10 สิงหาคม
นอกจากนี้ สปช.มีภารกิจ 3 ประการ คือ 1.การจัดทำพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศ โดยนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช.กำหนดให้วันที่ 11 สิงหาคม เป็นวันที่จะแถลงรายงานพิมพ์เขียวปฏิรูปฯ ให้ประชาชนรับทราบ และส่งมอบให้รัฐบาล ซึ่งถือเป็นการส่งมอบอย่างเป็นทางการ
นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า 2.การให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญมีการกำหนดวันลงมติภายในสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน ซึ่งขึ้นอยู่กับการขอขยายเวลาในการแก้ไขคำขอ หรือการแปรญัตติของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่จะขยายจาก 60 วัน ออกไปไม่เกิน 30 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เบื้องต้นคาดว่า กมธ.ยกร่างฯ จะแจ้งให้ประธาน สปช.ทราบ และนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมในวันที่ 21 กรกฎาคม ซึ่งการขยายเวลามีผลต่อโดยตรงต่อการลงมติ ที่ขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดวันที่ชัดเจนได้ แต่การลงมติต้องไม่เกินสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน และ 3.การตั้งคำถามประกอบการออกเสียงประชามติ จะมีการนัดประชุมเพื่อให้สมาชิกพิจารณาหลังจากวันที่ 11 สิงหาคม
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า นายเทียนฉาย ยังสนับสนุนให้จัดตั้งชมรม สปช.เพื่อดำเนินภารกิจเผยแพร่แนวทางพิมพ์เขียวปฏิรูปฯ ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ ส่วนที่ สปช.ถูกติติงว่าไม่มีผลงาน ที่จริงแล้วผลงานของ สปช.คือการจัดทำพิมพ์เขียวปฏิรูปฯ ซึ่งขณะนี้เสร็จแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ สปช.เปรียบเป็นสถาปนิกที่ร่างพิมพ์เขียวปฏิรูปฯ ส่วนคนที่ลงมือปฏิบัติคือรัฐบาลนี้ และรัฐบาลในอนาคต
นอกจากนี้ สปช.มีภารกิจ 3 ประการ คือ 1.การจัดทำพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศ โดยนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช.กำหนดให้วันที่ 11 สิงหาคม เป็นวันที่จะแถลงรายงานพิมพ์เขียวปฏิรูปฯ ให้ประชาชนรับทราบ และส่งมอบให้รัฐบาล ซึ่งถือเป็นการส่งมอบอย่างเป็นทางการ
นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า 2.การให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญมีการกำหนดวันลงมติภายในสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน ซึ่งขึ้นอยู่กับการขอขยายเวลาในการแก้ไขคำขอ หรือการแปรญัตติของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่จะขยายจาก 60 วัน ออกไปไม่เกิน 30 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เบื้องต้นคาดว่า กมธ.ยกร่างฯ จะแจ้งให้ประธาน สปช.ทราบ และนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมในวันที่ 21 กรกฎาคม ซึ่งการขยายเวลามีผลต่อโดยตรงต่อการลงมติ ที่ขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดวันที่ชัดเจนได้ แต่การลงมติต้องไม่เกินสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน และ 3.การตั้งคำถามประกอบการออกเสียงประชามติ จะมีการนัดประชุมเพื่อให้สมาชิกพิจารณาหลังจากวันที่ 11 สิงหาคม
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า นายเทียนฉาย ยังสนับสนุนให้จัดตั้งชมรม สปช.เพื่อดำเนินภารกิจเผยแพร่แนวทางพิมพ์เขียวปฏิรูปฯ ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ ส่วนที่ สปช.ถูกติติงว่าไม่มีผลงาน ที่จริงแล้วผลงานของ สปช.คือการจัดทำพิมพ์เขียวปฏิรูปฯ ซึ่งขณะนี้เสร็จแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ สปช.เปรียบเป็นสถาปนิกที่ร่างพิมพ์เขียวปฏิรูปฯ ส่วนคนที่ลงมือปฏิบัติคือรัฐบาลนี้ และรัฐบาลในอนาคต
