จากกรณีเหตุคนร้าย 2 คนใช้อาวุธมีดและปืน ก่อเหตุชิงทรัพย์ ร้านสะดวกซื้อใน 4 จุด พื้นที่ บก.น.2 โดยจุดที่ 1 เกิดขึ้น เมื่อเวลา 21.50 น. ในร้านแฟมิลี่มาร์ท ซอยร่วมมิตรพัฒนา พื้นที่ สน.คันนายาว ได้เงินสด 2,000 บาท จุดที่ 2เกิดเหตุเวลา 22.00 น. ในแฟมิลี่มาร์ท ซอยพหลโยธิน แยก 11 ได้เงินสดไป 1,750 บาท บุหรี่ 9 ซอง รวมเป็นเงิน 2,000 บาท จุดที่ 3 เกิดขึ้นเวลา 00.42 น. ในแฟมิลี่มาร์ท ซอยลาดปลาเคล้า 76 ได้เงินสด 1,200 บาท บุหรี่ 4 ซอง รวมเป็นเงิน 1,600 บาท และจุดสุดท้ายเกิดเวลา 00.58 น. ในโลตัสเอ็กซ์เพลส ซอยรามอินทรา 39 ได้เงินสด 3,000 บาท รวมมูลค่าเงินสดและทรัพย์สินที่คนร้ายชิงไปทั้งสิ้น 8,600 บาท
ต่อมาเวลา 05.00 น. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เดินทางไปที่ สน.บางเขน เพื่อติดตามกรณีดังกล่าวด้วยตนเอง โดย พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นคล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นในท้องที่ใกล้เคียง และจับกุมได้แล้ว ส่วนครั้งนี้น่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ใช้ จยย.เป็นยานพาหนะ และอาจจะเป็นกลุ่มที่ใกล้เคียงกับกลุ่มเด็กที่แข่งรถด้วย ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างไล่ดูกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง คาดว่าคนร้ายน่าจะอยู่ในพื้นที่เนื่องจากระยะเวลา และเส้นทางที่ก่อเหตุเป็นเส้นทางที่ต่อเนื่องกัน ส่วนจะเปลี่ยนรถในขณะก่อเหตุหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการสอบสวน หลังจากนี้คงต้องกวดขันในเรื่องของ จยย.ที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เนื่องจากส่วนใหญ่คนร้ายมักจะนำรถที่ไม่ติดแผ่นป้ายมาใช้ก่อเหตุ
ขณะที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า จะยังใช้มาตรการป้องกันแบบเดิมคือมีการตรวจเข้ม มีตำรวจประจำจุดทุกที่ แต่ในเหตุการณ์ตอนเกิดเหตุ ตำรวจได้ไล่จับกุมแล้ว แต่ไม่สามารถใช้ความรุนแรงได้ เพราะผู้ต้องหาอาจจะเป็นเยาวชน อีกทั้งคดีชิงทรัพย์เป็นเพียงคดีเล็กน้อยเท่านั้น
ด้านพ.ต.อ.ณัฐณวิทย์ สิทธาภิรมย์ ผกก.สน.บางเขน เปิดเผยว่า ขณะที่ได้สั่งการฝ่ายสืบสวนเข้าตรวจกล้องวงจรปิดภายในซอยรามอินทรา 39 ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่คนร้ายได้หลบหนีไป เพื่อดูรูปพรรณคนร้าย และจยย. ที่ใช้ก่อเหตุ ส่วนคนร้ายทั้ง 2 คน คาดว่าเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ บก.น.2 โดยมีพฤติกรรมเลียนแบบจากการก่อเหตุก่อนหน้านี้ที่ถูกจับได้ ซึ่งร้านส่วนใหญ่จะเก็บเงินสดไม่มาก เตรียมออกหมายจับแล้ว
ขณะที่ พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูตร รอง ผบช.น. ได้เรียกประชุมชุดสืบสวน เพื่อวิเคราะห์พยานหลักฐานและเร่งรัดคดี มีรายงานว่าฝ่ายสืบสวนได้เร่งตรวจสอบกลุ่มวัยรุ่นที่เคยมีประวัติก่อคดีอาชญากรรมในลักษณะเดียวกันนี้ โดยได้มีการนำภาพจากกล้องวงจรปิดมาเปรียบเทียบถึงรูปพรรณ ลักษณะเสื้อที่ใช่สวมใส่ในการก่อเหตุ รวมทั้งสอบปากคำผู้เสียหาย โดยทั้งหมดให้การตรงกันว่าคนร้ายมีน้ำเสียงคล้ายกับวันรุ่น เชื่อว่าน่าจะเป็นวันรุ่นอายุระหว่าง 17-25 ปี ส่วน จยย.คนร้ายที่ใช้ก่อเหตุนั้นเป็นฮอนด้า เวฟ รุ่น 125 สีดำแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งอยู่ระหว่างคัดกรองว่าในชุมชนแต่ละพื้นที่ของ บก.น.2 ว่ามีทั้งหมดกี่คัน เพื่อใช้เป็นเบาะแสในการติดตามจับกุม
ต่อมาเวลา 05.00 น. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เดินทางไปที่ สน.บางเขน เพื่อติดตามกรณีดังกล่าวด้วยตนเอง โดย พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นคล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นในท้องที่ใกล้เคียง และจับกุมได้แล้ว ส่วนครั้งนี้น่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ใช้ จยย.เป็นยานพาหนะ และอาจจะเป็นกลุ่มที่ใกล้เคียงกับกลุ่มเด็กที่แข่งรถด้วย ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างไล่ดูกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง คาดว่าคนร้ายน่าจะอยู่ในพื้นที่เนื่องจากระยะเวลา และเส้นทางที่ก่อเหตุเป็นเส้นทางที่ต่อเนื่องกัน ส่วนจะเปลี่ยนรถในขณะก่อเหตุหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการสอบสวน หลังจากนี้คงต้องกวดขันในเรื่องของ จยย.ที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เนื่องจากส่วนใหญ่คนร้ายมักจะนำรถที่ไม่ติดแผ่นป้ายมาใช้ก่อเหตุ
ขณะที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า จะยังใช้มาตรการป้องกันแบบเดิมคือมีการตรวจเข้ม มีตำรวจประจำจุดทุกที่ แต่ในเหตุการณ์ตอนเกิดเหตุ ตำรวจได้ไล่จับกุมแล้ว แต่ไม่สามารถใช้ความรุนแรงได้ เพราะผู้ต้องหาอาจจะเป็นเยาวชน อีกทั้งคดีชิงทรัพย์เป็นเพียงคดีเล็กน้อยเท่านั้น
ด้านพ.ต.อ.ณัฐณวิทย์ สิทธาภิรมย์ ผกก.สน.บางเขน เปิดเผยว่า ขณะที่ได้สั่งการฝ่ายสืบสวนเข้าตรวจกล้องวงจรปิดภายในซอยรามอินทรา 39 ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่คนร้ายได้หลบหนีไป เพื่อดูรูปพรรณคนร้าย และจยย. ที่ใช้ก่อเหตุ ส่วนคนร้ายทั้ง 2 คน คาดว่าเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ บก.น.2 โดยมีพฤติกรรมเลียนแบบจากการก่อเหตุก่อนหน้านี้ที่ถูกจับได้ ซึ่งร้านส่วนใหญ่จะเก็บเงินสดไม่มาก เตรียมออกหมายจับแล้ว
ขณะที่ พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูตร รอง ผบช.น. ได้เรียกประชุมชุดสืบสวน เพื่อวิเคราะห์พยานหลักฐานและเร่งรัดคดี มีรายงานว่าฝ่ายสืบสวนได้เร่งตรวจสอบกลุ่มวัยรุ่นที่เคยมีประวัติก่อคดีอาชญากรรมในลักษณะเดียวกันนี้ โดยได้มีการนำภาพจากกล้องวงจรปิดมาเปรียบเทียบถึงรูปพรรณ ลักษณะเสื้อที่ใช่สวมใส่ในการก่อเหตุ รวมทั้งสอบปากคำผู้เสียหาย โดยทั้งหมดให้การตรงกันว่าคนร้ายมีน้ำเสียงคล้ายกับวันรุ่น เชื่อว่าน่าจะเป็นวันรุ่นอายุระหว่าง 17-25 ปี ส่วน จยย.คนร้ายที่ใช้ก่อเหตุนั้นเป็นฮอนด้า เวฟ รุ่น 125 สีดำแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งอยู่ระหว่างคัดกรองว่าในชุมชนแต่ละพื้นที่ของ บก.น.2 ว่ามีทั้งหมดกี่คัน เพื่อใช้เป็นเบาะแสในการติดตามจับกุม