นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการระบายข้าวกำลังเตรียมประกาศเงื่อนไขการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลครั้งที่ 4/2558 ภายในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ เบื้องต้นเงื่อนไขการเข้าร่วมประมูลจะเหมือนกับครั้งก่อนๆ เช่นเดียวกับปริมาณที่ 1 ล้านตัน และชนิดข้าวจะหลากหลาย ทั้งข้าวขาว และปลายข้าว ทั้งนี้ ตลาดมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงข้าวที่กำลังส่งมอบให้จีนภายใต้สัญญา รวม 1ล้านตัน ยืนยันว่าสามารถส่งมอบได้อย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยเดือนละ 1 แสนตัน โดยใช้มาตรฐานข้าวของไทยในการส่งมอบเพราะเป็นที่ยอมรับจากจีนแล้ว
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ภัยแล้งในไทยและต่างประเทศ มีแนวโน้มว่าในปี 2558/59 ปริมาณข้าวอาจขาดแคลน การบริหารจัดการสต๊อกข้าวจึงต้องพิจารณาถึงจังหวะ เวลา โอกาสทางการตลาดและช่องทางที่เหมาะสม ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะได้มีการติดตามสถานการณ์น้ำและผลผลิตข้าวในฤดูใหม่อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะมีผลอย่างมากต่อตลาดและราคาข้าวในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตาม จากการประเมินสถานการณ์ในช่วงนี้ยังคงมั่นใจว่าไทยจะมีข้าวคุณภาพดีเพียงพอสำหรับการส่งออกในภาพรวมที่ตั้งเป้าไว้ 10 ล้านตัน ในปี 2558
ด้านนายเกรียงศักดิ์ ตาปนานนท์ เลขาธิการสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า สถานการณ์ราคาข้าวปัจจุบันมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ราคาข้าวลดลงแล้วตันละ 1,000 บาท โดยข้าวเปลือกเจ้าเฉลี่ยที่ตันละ 8,500 บาท ในช่วงก่อนหน้านี้ ปัจจุบันเฉลี่ยที่ตันละ 7,600 บาท (ความชื้น 15%) ซึ่งทิศทางราคาสวนทางกับปัจจัยผลกระทบจากภัยแล้งที่คาดว่าผลผลิตจะลดลง ทำให้เชื่อว่าอาจมีความผิดปกติในระบบตลาด จึงเสนอให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการระบายข้าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดตัวแปรที่จะถูกนำไปเป็นข้ออ้างในการทำให้ราคาตลาดร่วงลง เนื่องการการระบายข้าวอย่างต่อเนื่องในปริมาณที่เหมาะสมจะลดการเก็งกำไรผ่านการรับคำสั่งซื้อล่วงหน้า และการกักตุนข้าวได้ เพราะตลาดจะมีความนิ่งจนไม่สามารถสร้างตัวแปรอื่นมากดดันราคา
ทั้งนี้ ตอนนี้มีแต่ปัจจัยบวก คือ ตัวเลขส่งออกข้าว ภัยแล้ง และออร์เดอร์จีทูจีของรัฐบาล แต่ทำไมราคาข้าวเปลือกลดลง ถือว่าผิดปกติ ส่วนปัจจัยรัฐบาลระบายข้าวไม่ ใช่ตัวแปรสำคัญอะไร แต่ก็อาจถูกเอามาอ้างได้ จึงอยากให้รัฐอย่าหยุดระบาย แต่ให้ระบายอย่างต่อเนื่องให้ตลาดนิ่ง
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ภัยแล้งในไทยและต่างประเทศ มีแนวโน้มว่าในปี 2558/59 ปริมาณข้าวอาจขาดแคลน การบริหารจัดการสต๊อกข้าวจึงต้องพิจารณาถึงจังหวะ เวลา โอกาสทางการตลาดและช่องทางที่เหมาะสม ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะได้มีการติดตามสถานการณ์น้ำและผลผลิตข้าวในฤดูใหม่อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะมีผลอย่างมากต่อตลาดและราคาข้าวในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตาม จากการประเมินสถานการณ์ในช่วงนี้ยังคงมั่นใจว่าไทยจะมีข้าวคุณภาพดีเพียงพอสำหรับการส่งออกในภาพรวมที่ตั้งเป้าไว้ 10 ล้านตัน ในปี 2558
ด้านนายเกรียงศักดิ์ ตาปนานนท์ เลขาธิการสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า สถานการณ์ราคาข้าวปัจจุบันมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ราคาข้าวลดลงแล้วตันละ 1,000 บาท โดยข้าวเปลือกเจ้าเฉลี่ยที่ตันละ 8,500 บาท ในช่วงก่อนหน้านี้ ปัจจุบันเฉลี่ยที่ตันละ 7,600 บาท (ความชื้น 15%) ซึ่งทิศทางราคาสวนทางกับปัจจัยผลกระทบจากภัยแล้งที่คาดว่าผลผลิตจะลดลง ทำให้เชื่อว่าอาจมีความผิดปกติในระบบตลาด จึงเสนอให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการระบายข้าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดตัวแปรที่จะถูกนำไปเป็นข้ออ้างในการทำให้ราคาตลาดร่วงลง เนื่องการการระบายข้าวอย่างต่อเนื่องในปริมาณที่เหมาะสมจะลดการเก็งกำไรผ่านการรับคำสั่งซื้อล่วงหน้า และการกักตุนข้าวได้ เพราะตลาดจะมีความนิ่งจนไม่สามารถสร้างตัวแปรอื่นมากดดันราคา
ทั้งนี้ ตอนนี้มีแต่ปัจจัยบวก คือ ตัวเลขส่งออกข้าว ภัยแล้ง และออร์เดอร์จีทูจีของรัฐบาล แต่ทำไมราคาข้าวเปลือกลดลง ถือว่าผิดปกติ ส่วนปัจจัยรัฐบาลระบายข้าวไม่ ใช่ตัวแปรสำคัญอะไร แต่ก็อาจถูกเอามาอ้างได้ จึงอยากให้รัฐอย่าหยุดระบาย แต่ให้ระบายอย่างต่อเนื่องให้ตลาดนิ่ง