นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงว่าเตรียมปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจของไทยในปี 2558 ลงเหลือเติบโตร้อยละ 3 จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 3.8 ส่วนปี 2559 คาดว่าจะเติบโตราวร้อยละ 4.1 จากเดิมคาดไว้ที่ร้อยละ 3.9 โดยประเมินว่าเศรษฐกิจในปีนี้มีความเสี่ยงต่อประมาณการโน้มไปด้านต่ำ เพราะโอกาสมีที่เศรษฐกิจจะขยายตัวต่ำกว่ากรณีฐาน จากเศรษฐกิจจีนและเอเชียที่อาจชะลอตัวกว่าคาด และกระทบการส่งออกสินค้าและการใช้จ่ายในประเทศ แต่หากมองไปข้างหน้าเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวตามเศรษฐกิจคู่ค้าหลักที่มีแนวโน้มดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้แนวโน้มการส่งออกสินค้าปรับดีขึ้น และเมื่อรวมกับการใช้จ่ายภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนที่มีความต่อเนื่อง จะส่งผลดีต่อรายได้ของภาคครัวเรือนและสร้างความมั่นใจให้ภาคเอกชนใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจปีหน้าขยายตัวในอัตราที่สูงกว่าปีนี้
สำหรับอัตราเงินเฟ้อปี 2558 คาดว่าจะติดลบ ร้อยละ 0.5 จากเดิมคาดว่าจะเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.2 ในปีนี้ ส่วนปีหน้าคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 1.6 โดยอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่ลดลง เนื่องจากภาครัฐปรับลดอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันลง แม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2 ในปี 2558 ราคาอาหารสดในช่วงที่ผ่านมาลดลง และแรงกดดันเงินเฟ้อจากด้านอุปสงค์ต่ำกว่าที่เคยคาดไว้ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ล่าช้า กนง. ประเมินว่าโอกาสการเกิดภาวะเงินฝืดยังมีน้อยเนื่องจากการอุปโภคบริโภคยังขยายตัว ราคาสินค้าและบริการส่วนใหญ่ยังมีแนวโน้มทรงตัวหรือสูงขึ้นและการคาดการณ์เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายของนโยบายการเงิน
สำหรับอัตราเงินเฟ้อปี 2558 คาดว่าจะติดลบ ร้อยละ 0.5 จากเดิมคาดว่าจะเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.2 ในปีนี้ ส่วนปีหน้าคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 1.6 โดยอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่ลดลง เนื่องจากภาครัฐปรับลดอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันลง แม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2 ในปี 2558 ราคาอาหารสดในช่วงที่ผ่านมาลดลง และแรงกดดันเงินเฟ้อจากด้านอุปสงค์ต่ำกว่าที่เคยคาดไว้ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ล่าช้า กนง. ประเมินว่าโอกาสการเกิดภาวะเงินฝืดยังมีน้อยเนื่องจากการอุปโภคบริโภคยังขยายตัว ราคาสินค้าและบริการส่วนใหญ่ยังมีแนวโน้มทรงตัวหรือสูงขึ้นและการคาดการณ์เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายของนโยบายการเงิน
