จากกรณีที่มีประชาชนรายหนึ่งได้โพสต์ภาพตำรวจแต่งชุดเสื้อยืดคอกลม กางเกงสามส่วน ออกปฏิบัติหน้าที่ บริเวณหลังวัดราชนัดดารามวรวิหาร พื้นที่ สน.สำราญราษฎร์ พร้อมระบุข้อความในทำนองต่อว่าเจ้าหน้าที่ว่ามีการล็อคล้อรถโดยดำเนินการไม่ถูกต้องกลั่นแกล้งประชาชน โดยภายหลังจากการตรวจสอบพบว่าเป็นการเข้าใจผิด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวได้ออกจากเวรไปแล้ว และแต่งกายในชุดธรรมดาเพื่อมาปลดล็อคเท่านั้น
ล่าสุดในวันนี้(5มิ.ย.) นายพงษ์ธร ค่อนรุ่ง อายุ 46 ปี ได้เข้าพบและขอโทษด.ต. สมเกีรยติ สุทธินนท์ ผบ.หมู่งานจราจรสน.สำราญราษฎร์ พ.ต.ท.สมเกษม จารักษ์ รองผกก.จร. สน.สำราษราษฏร์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงคือผู้โพสต์ ได้จอดรถในที่บริเวณหน้าป้ายห้ามจอด บริเวณถนนหลังวัดราชนัดดารามวรวิหาร ซึ่งด.ต.สมเกียรติ สุทธินนท์ ได้ขับขี่จยย.ตรวจพบ จึงทำการล็อกล้อช่วงเวลาประมาณ 15.00 น.พร้อมออกใบเตือนให้มาชำระค่าปรับที่สถานีตำรวจ จากนั้นด.ต.สมเกียรติได้ออกเวรไปช่วง 16.00 น. และผู้โพสต์ได้มาเสียค่าปรับ 300 บาท ในข้อหาจอดรถในเขตห้ามจอด ที่สน.ในช่วงเวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่จึงวิทยุให้ด.ต.สมเกียรติไปไขที่ล็อกล้อ อย่างไรก็ตามในการกระทำเบื้องต้นนั้นทางสน. ได้แจ้งความผู้โพสต์แล้ว 2 ข้อหา ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา14 ในข้อหาหมิ่นประมาท นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จโดยข้อมูลนั้นเป็นประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1แสนบาท และข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จำคุก 2 ปี ปรับ 2 แสนบาท ซึ่งในวันนี้พนักงานสอบสวนได้ทำการลงบันทึกประจำวันและส่งฟ้องศาล
พ.ต.ท.สมเกษม กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่ไม่แต่งเครื่องแบบในการปฏิบัติหน้าที่นั้นตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้ระบุชัดเจน แต่ในกรณีที่มีการล็อคล้อเมื่อออกเวรแล้วจะต้องให้ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ต่อดำเนินการปลดล็อคแทน ทั้งนี้พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผช.ผบ.ตร.)ได้มีคำสั่งให้ตำรวจจราจรทุกนายแต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบขณะออกปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้งแม้ว่าจะออกเวรไปแล้วก็ตามเพื่อป้องกันการเกิดความเข้าใจของประชาชน และเพื่อเป็นการแสดงความโปร่งใสในการปฏิหน้าที่ด้วย
ด้านนายพงษ์ธร ค่อนรุ่ง อายุ 46 ปี กล่าวว่า ในการโพสต์ข้อความลงไปนั้นเกิดจากความเข้าใจผิดของตนเนื่องจากวันที่เกิดเหตุตนได้พาครอบครัวมาชนนิทรรศการบริเวณนิทรรศรัตนโกสินทร์แต่ปรากฎว่าที่จอดรถเต็มจึงขับรถมาจอดบริเวณถนนราชดำเนิน โดยขณะที่จอดรถนั้นตนไม่ได้สังเกตุป้ายห้ามจอด เมื่อกลับออกมาก็พบว่ารถโดนล็อคจึงได้เดินทางไปเสียค่าปรับที่สน.สำราญราษฏร์ พอกลับมายังรถก็พบด.ต.สมเกียรติ ไม่ใส่ชุดเครื่องแบบกำลังปลดล็อคอยู่แต่ตนเข้าใจผิดคิดว่าไปเสียค่าปรับแล้วทำไมตำรวจจึงต้องมาล็อคล้ออีกครั้งจึงได้ทำการถ่ายรูปและโพสต์ลงเฟสบุ๊กส่วนตัวไป ซึ่งหลังจากนั้นตนก็ได้ทราบความจริงว่าด.ต.สมเกียรติออกไปแล้วแต่กลับมาปลดล็อคล้อให้ ดังนั้นเมื่อตนกระทำความผิดจริงตนจึงขอแสดงความรับผิดชอบโดยการเข้ามาเพื่อขอโทษและยอมรับกับผิดที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ตนอยากฝากถึงประชาชนทุกคนการโพสต์ข้อความหรือภาพต่างๆลงในเฟสบุ๊กซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็กจริงก่อนหากการโพสต์นั้นถูกต้องก็จะส่งผลดีต่อสังคม แต่หากมีการโพสต์โดยความเข้าใจผิดก็จะเกิดความผิดพลาดทั้งต่อตัวเองและผู้อื่นได้
ล่าสุดในวันนี้(5มิ.ย.) นายพงษ์ธร ค่อนรุ่ง อายุ 46 ปี ได้เข้าพบและขอโทษด.ต. สมเกีรยติ สุทธินนท์ ผบ.หมู่งานจราจรสน.สำราญราษฎร์ พ.ต.ท.สมเกษม จารักษ์ รองผกก.จร. สน.สำราษราษฏร์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงคือผู้โพสต์ ได้จอดรถในที่บริเวณหน้าป้ายห้ามจอด บริเวณถนนหลังวัดราชนัดดารามวรวิหาร ซึ่งด.ต.สมเกียรติ สุทธินนท์ ได้ขับขี่จยย.ตรวจพบ จึงทำการล็อกล้อช่วงเวลาประมาณ 15.00 น.พร้อมออกใบเตือนให้มาชำระค่าปรับที่สถานีตำรวจ จากนั้นด.ต.สมเกียรติได้ออกเวรไปช่วง 16.00 น. และผู้โพสต์ได้มาเสียค่าปรับ 300 บาท ในข้อหาจอดรถในเขตห้ามจอด ที่สน.ในช่วงเวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่จึงวิทยุให้ด.ต.สมเกียรติไปไขที่ล็อกล้อ อย่างไรก็ตามในการกระทำเบื้องต้นนั้นทางสน. ได้แจ้งความผู้โพสต์แล้ว 2 ข้อหา ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา14 ในข้อหาหมิ่นประมาท นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จโดยข้อมูลนั้นเป็นประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1แสนบาท และข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จำคุก 2 ปี ปรับ 2 แสนบาท ซึ่งในวันนี้พนักงานสอบสวนได้ทำการลงบันทึกประจำวันและส่งฟ้องศาล
พ.ต.ท.สมเกษม กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่ไม่แต่งเครื่องแบบในการปฏิบัติหน้าที่นั้นตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้ระบุชัดเจน แต่ในกรณีที่มีการล็อคล้อเมื่อออกเวรแล้วจะต้องให้ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ต่อดำเนินการปลดล็อคแทน ทั้งนี้พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผช.ผบ.ตร.)ได้มีคำสั่งให้ตำรวจจราจรทุกนายแต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบขณะออกปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้งแม้ว่าจะออกเวรไปแล้วก็ตามเพื่อป้องกันการเกิดความเข้าใจของประชาชน และเพื่อเป็นการแสดงความโปร่งใสในการปฏิหน้าที่ด้วย
ด้านนายพงษ์ธร ค่อนรุ่ง อายุ 46 ปี กล่าวว่า ในการโพสต์ข้อความลงไปนั้นเกิดจากความเข้าใจผิดของตนเนื่องจากวันที่เกิดเหตุตนได้พาครอบครัวมาชนนิทรรศการบริเวณนิทรรศรัตนโกสินทร์แต่ปรากฎว่าที่จอดรถเต็มจึงขับรถมาจอดบริเวณถนนราชดำเนิน โดยขณะที่จอดรถนั้นตนไม่ได้สังเกตุป้ายห้ามจอด เมื่อกลับออกมาก็พบว่ารถโดนล็อคจึงได้เดินทางไปเสียค่าปรับที่สน.สำราญราษฏร์ พอกลับมายังรถก็พบด.ต.สมเกียรติ ไม่ใส่ชุดเครื่องแบบกำลังปลดล็อคอยู่แต่ตนเข้าใจผิดคิดว่าไปเสียค่าปรับแล้วทำไมตำรวจจึงต้องมาล็อคล้ออีกครั้งจึงได้ทำการถ่ายรูปและโพสต์ลงเฟสบุ๊กส่วนตัวไป ซึ่งหลังจากนั้นตนก็ได้ทราบความจริงว่าด.ต.สมเกียรติออกไปแล้วแต่กลับมาปลดล็อคล้อให้ ดังนั้นเมื่อตนกระทำความผิดจริงตนจึงขอแสดงความรับผิดชอบโดยการเข้ามาเพื่อขอโทษและยอมรับกับผิดที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ตนอยากฝากถึงประชาชนทุกคนการโพสต์ข้อความหรือภาพต่างๆลงในเฟสบุ๊กซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็กจริงก่อนหากการโพสต์นั้นถูกต้องก็จะส่งผลดีต่อสังคม แต่หากมีการโพสต์โดยความเข้าใจผิดก็จะเกิดความผิดพลาดทั้งต่อตัวเองและผู้อื่นได้