พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงการสร้างความเข้มแข็งของประเทศ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้เร่งดำเนินการทุกมิติทั้งด้านอุตสาหกรรม ธุรกิจเอสเอ็มอี และเศรษฐกิจพิเศษ โดยเฉพาะธุรกิจเพื่อสังคม เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ประชาชน
ทั้งนี้ สำหรับการช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีจำนวนประมาณ 2.6 ล้านรายนั้น มีธุรกิจเอสเอ็มอีจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลไว้แล้วประมาณ 6 แสนกว่าราย และอยู่ในระบบการเสียภาษีอีกจำนวนประมาณ 1 ล้านกว่าราย ส่วนที่เหลือขึ้นบัญชีไว้แต่ไม่ได้จดทะเบียน เพราะฉะนั้น รัฐบาลจะให้การสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีที่สามารถดำเนินการต่อไปได้ให้อยู่ในกรอบในกฎระเบียบ ตามหลักการเศรษฐกิจพอเพียงมีภูมิคุ้มกัน มีเหตุผล มีมาตรการลดความเสี่ยงเพื่อความเข้มแข็งของธุรกิจต่อไป
ส่วนธุรกิจเอสเอ็มอีที่ไม่สามารถดำเนินการได้ต้องปรับเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นแทน โดยมอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และเอสเอ็มอีแบงก์ ธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์ เข้าไปดูแลให้สินเชื่อเพื่อประกอบกิจการต่อไปได้ โดยรัฐบาลจะพยายามไม่สร้างภาระให้กับประชาชน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลจะพยายามอย่างเต็มที่ในการสร้างความเข้มแข็งและสนับสนุนธุรกิจทุกประเภทให้เดินหน้าไปได้โดยใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงและมีมาตรการป้องกันความเสี่ยงหรือสร้างภูมิคุ้มการในภาคธุรกิจ และที่ผ่านมารัฐบาลไม่สามารถที่จะเดินหน้าปรับโครงสร้างภาษีได้ แต่ที่ต้องทำเพราะเรื่องภาษีถือเป็นรายได้หลักของรัฐรองจากภาคการส่งออก แม้ว่าประเทศไม่มีปัญหาเรื่องเงินสำรองก็ตามแต่จำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศด้วย
ทั้งนี้ สำหรับการช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีจำนวนประมาณ 2.6 ล้านรายนั้น มีธุรกิจเอสเอ็มอีจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลไว้แล้วประมาณ 6 แสนกว่าราย และอยู่ในระบบการเสียภาษีอีกจำนวนประมาณ 1 ล้านกว่าราย ส่วนที่เหลือขึ้นบัญชีไว้แต่ไม่ได้จดทะเบียน เพราะฉะนั้น รัฐบาลจะให้การสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีที่สามารถดำเนินการต่อไปได้ให้อยู่ในกรอบในกฎระเบียบ ตามหลักการเศรษฐกิจพอเพียงมีภูมิคุ้มกัน มีเหตุผล มีมาตรการลดความเสี่ยงเพื่อความเข้มแข็งของธุรกิจต่อไป
ส่วนธุรกิจเอสเอ็มอีที่ไม่สามารถดำเนินการได้ต้องปรับเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นแทน โดยมอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และเอสเอ็มอีแบงก์ ธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์ เข้าไปดูแลให้สินเชื่อเพื่อประกอบกิจการต่อไปได้ โดยรัฐบาลจะพยายามไม่สร้างภาระให้กับประชาชน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลจะพยายามอย่างเต็มที่ในการสร้างความเข้มแข็งและสนับสนุนธุรกิจทุกประเภทให้เดินหน้าไปได้โดยใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงและมีมาตรการป้องกันความเสี่ยงหรือสร้างภูมิคุ้มการในภาคธุรกิจ และที่ผ่านมารัฐบาลไม่สามารถที่จะเดินหน้าปรับโครงสร้างภาษีได้ แต่ที่ต้องทำเพราะเรื่องภาษีถือเป็นรายได้หลักของรัฐรองจากภาคการส่งออก แม้ว่าประเทศไม่มีปัญหาเรื่องเงินสำรองก็ตามแต่จำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศด้วย
