พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยประสบความสำเร็จในเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย วานนี้ ( 29 พ.ค.) โดยในที่ประชุมได้เห็นชอบในกรอบการแก้ปัญหา 3 แนวทางหลัก คือ 1. มาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยชีวิตผู้อพยพโยกย้ายถิ่นฐาน 2. การป้องกันการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ การลักลอบขนคน และการค้ามนุษย์ 3. การแก้ไขปัญหาที่ต้นต่อและการพัฒนาพื้นที่เสี่ยง
ทั้งนี้ กรอบทั้ง 3 แนวทางสอดคล้องกับที่รัฐบาลไทยได้เคยเสนอแนะ และปฏิบัติมาโดยตลอด อาทิ ในข้อแรกถือเป็นการช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม ที่กองทัพเรือไทยได้จัดตั้งฐานปฏิบัติการลอยน้ำกลางทะเล เพื่อให้การช่วยเหลือผู้โยกย้าย โดยมอบข้าวปลา อาหาร น้ำดื่ม ดูแลสุขภาพ และสนับสนุนเรื่องเชื้อเพลิง ซึ่งในการประชุมนี้ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เสนอตัวที่จะร่วมปฏิบัติการลาดตระเวนทางอากาศเพื่อชี้เป้าและสอดส่องเรือผู้โยกย้าย ได้อย่างรวดเร็วและชัดเจน ซึ่งรัฐบาลไทยยินดีต่อการสนับสนุนนี้ อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติภารกิจการบินทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติ และการอำนวยการของฝ่ายไทย ที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด
สำหรับแนวทางที่ 2 เรื่องการป้องกันการโยกย้าย และการค้ามนุษย์นั้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยโดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้เป็นนโยบายเร่งด่วน ที่ต้องกำจัดขบวนการเหล่านี้ให้หมดไป และจะไม่ยอมให้ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน หรือจุดแวะพักของขบวนนี้การโดยเด็ดขาด
ส่วนแนวทางที่ 3 เรื่องการแก้ไขปัญหาที่ต้นตอและการพัฒนาพื้นที่เสี่ยง เป็นสิ่งที่รัฐบาลกล่าวมาโดยตลอดว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะระงับยับยั้งการโยกย้ายถิ่นฐานได้ โดยประเทศไทยเองมีประสบการณ์ในด้านการพัฒนา การฟื้นฟู และการพัฒนาที่ดินถิ่นที่อยู่อาศัย ยินดีร่วมเป็นหนึ่งในชุดปฏิบัติการเพื่อการพัฒนาพื้นที่เสี่ยง ให้มีศักยภาพและความเหมาะสมในการอยู่อาศัย เพื่อลดปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐานลง
ทั้งนี้ กรอบทั้ง 3 แนวทางสอดคล้องกับที่รัฐบาลไทยได้เคยเสนอแนะ และปฏิบัติมาโดยตลอด อาทิ ในข้อแรกถือเป็นการช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม ที่กองทัพเรือไทยได้จัดตั้งฐานปฏิบัติการลอยน้ำกลางทะเล เพื่อให้การช่วยเหลือผู้โยกย้าย โดยมอบข้าวปลา อาหาร น้ำดื่ม ดูแลสุขภาพ และสนับสนุนเรื่องเชื้อเพลิง ซึ่งในการประชุมนี้ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เสนอตัวที่จะร่วมปฏิบัติการลาดตระเวนทางอากาศเพื่อชี้เป้าและสอดส่องเรือผู้โยกย้าย ได้อย่างรวดเร็วและชัดเจน ซึ่งรัฐบาลไทยยินดีต่อการสนับสนุนนี้ อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติภารกิจการบินทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติ และการอำนวยการของฝ่ายไทย ที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด
สำหรับแนวทางที่ 2 เรื่องการป้องกันการโยกย้าย และการค้ามนุษย์นั้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยโดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้เป็นนโยบายเร่งด่วน ที่ต้องกำจัดขบวนการเหล่านี้ให้หมดไป และจะไม่ยอมให้ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน หรือจุดแวะพักของขบวนนี้การโดยเด็ดขาด
ส่วนแนวทางที่ 3 เรื่องการแก้ไขปัญหาที่ต้นตอและการพัฒนาพื้นที่เสี่ยง เป็นสิ่งที่รัฐบาลกล่าวมาโดยตลอดว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะระงับยับยั้งการโยกย้ายถิ่นฐานได้ โดยประเทศไทยเองมีประสบการณ์ในด้านการพัฒนา การฟื้นฟู และการพัฒนาที่ดินถิ่นที่อยู่อาศัย ยินดีร่วมเป็นหนึ่งในชุดปฏิบัติการเพื่อการพัฒนาพื้นที่เสี่ยง ให้มีศักยภาพและความเหมาะสมในการอยู่อาศัย เพื่อลดปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐานลง
