พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมสภากลาโหม วันนี้ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม ว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการทหาร ในการปรับปรุงบัญชีอัตราเงินเดือน เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยขยายเพดานอัตราเงินเดือนระดับพันเอกขึ้นไป ถึงพลโท ให้เทียบเท่ากับข้าราชการพลเรือน ระดับตำแหน่งนายอำเภอขึ้นไป ที่มีการปรับมาแล้วตั้งแต่ปี 2551
นอกจากนี้ ยังขยายเพดานเงินเดือนทหารชั้นประทวน ป.1 ถึง ป.2 ให้สามารถปรับเงินไปได้สูงสุดอย่างต่อเนื่อง จนถึงขั้นสูงสุด ป.3 เพราะที่ผ่านมาข้าราชการทหารยังไม่เคยปรับตั้งแต่ปี 2538 และยังเห็นชอบแนวทางการกำหนดค่าตอบแทนกับผู้ปฏิบัติหน้าที่เวรรักษาการณ์ของนายทหารสัญญาบัตร เป็นวันละ 200 บาท และนายทหารชั้นประทวน เป็นวันละ 180 บาท โดยเวรรักษาการณ์ที่มีการปรับ จะต้องปฏิบัติหน้าที่รักษาการณ์ที่ต้องถืออาวุธ ประจำการในหน่วยทหารที่มีคลังอาวุธ และพร้อมแสดงกำลังได้ทันที เมื่อมีเหตุการณ์วิกฤต ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวจะนำเข้าพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้า
พล.ต.คงชีพ กล่าวด้วยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้มอบนโยบายให้ผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงและผู้บัญชาการเหล่าทัพ กำหนดเป้าหมายและแนวทางการแก้ปัญหาการกระทำผิดกฎหมายของกำลังพลให้ชัดเจน และถ้าพบว่ากระทำผิด ให้มีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ และปรับย้ายออกนอกพื้นที่ขั่วคราว เพื่อตั้งคณะกรรมการสอบสวน และดำนินคดีทางอาญาและวินัย
นอกจากนี้ ขอให้พิจารณาแนวทางช่วยเหลือประชาชนเพื่อลดค่าครองชีพ ให้หน่วยทหารตามแนวชายแดนบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ป้องกันและแก้ไขปัญหาการนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย โดยเฉพาะยาเสพติด ที่ส่งผลกระทบความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชน
ขณะที่ในช่วงฤดูฝน เหล่าทัพจะสนับสนุนโครงการรัฐบาลในการบริหารจัดการน้ำให้เสร็จทันฤดูฝน เพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันปัญหาปริมาณน้ำที่มีมากเกินกว่าจะจัดเก็บ
นอกจากนี้ ยังขยายเพดานเงินเดือนทหารชั้นประทวน ป.1 ถึง ป.2 ให้สามารถปรับเงินไปได้สูงสุดอย่างต่อเนื่อง จนถึงขั้นสูงสุด ป.3 เพราะที่ผ่านมาข้าราชการทหารยังไม่เคยปรับตั้งแต่ปี 2538 และยังเห็นชอบแนวทางการกำหนดค่าตอบแทนกับผู้ปฏิบัติหน้าที่เวรรักษาการณ์ของนายทหารสัญญาบัตร เป็นวันละ 200 บาท และนายทหารชั้นประทวน เป็นวันละ 180 บาท โดยเวรรักษาการณ์ที่มีการปรับ จะต้องปฏิบัติหน้าที่รักษาการณ์ที่ต้องถืออาวุธ ประจำการในหน่วยทหารที่มีคลังอาวุธ และพร้อมแสดงกำลังได้ทันที เมื่อมีเหตุการณ์วิกฤต ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวจะนำเข้าพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้า
พล.ต.คงชีพ กล่าวด้วยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้มอบนโยบายให้ผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงและผู้บัญชาการเหล่าทัพ กำหนดเป้าหมายและแนวทางการแก้ปัญหาการกระทำผิดกฎหมายของกำลังพลให้ชัดเจน และถ้าพบว่ากระทำผิด ให้มีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ และปรับย้ายออกนอกพื้นที่ขั่วคราว เพื่อตั้งคณะกรรมการสอบสวน และดำนินคดีทางอาญาและวินัย
นอกจากนี้ ขอให้พิจารณาแนวทางช่วยเหลือประชาชนเพื่อลดค่าครองชีพ ให้หน่วยทหารตามแนวชายแดนบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ป้องกันและแก้ไขปัญหาการนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย โดยเฉพาะยาเสพติด ที่ส่งผลกระทบความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชน
ขณะที่ในช่วงฤดูฝน เหล่าทัพจะสนับสนุนโครงการรัฐบาลในการบริหารจัดการน้ำให้เสร็จทันฤดูฝน เพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันปัญหาปริมาณน้ำที่มีมากเกินกว่าจะจัดเก็บ
