นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับนาย Inia Seruiratu รัฐมนตรีเกษตรของสาธารณรัฐฟิจิ และนาย Osea Naiqam รัฐมนตรีว่าการกระทรวงประมงและป่าไม้ของสาธารณรัฐฟิจิ ว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หารือร่วมกับรัฐมนตรีเกษตรของสาธารณรัฐฟิจิ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงประมงและป่าไม้ของสาธารณรัฐฟิจิ เพื่อให้มีการเจรจาที่เกิดความร่วมมือระหว่างสองประเทศในการพัฒนาด้านการเกษตร การค้าและการลงทุนระหว่างกันอย่างเป็นทางการ โดยในการหารือทั้งสองฝ่ายได้หยิบยกประเด็นที่ทั้งสองประเทศให้ความสนใจ ซึ่งฝ่ายไทยได้หารือใน 2 เรื่อง สำคัญ คือ ความร่วมมือด้านการประมง ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย เนื่องจากปัจจุบันไทยนำเข้าทูน่าจากฟิจิ ซึ่งทูน่าที่จับได้โดยส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากเรือฟิจิ ดังนั้น ต้องมีใบรับรองการทำประมงของรัฐบาลฟิจิ เพื่อใช้ในกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับ จึงเป็นประเด็นที่ต้องมีการหารือเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลในส่วนนี้ร่วมกัน ว่าจะเร่งรัดการจัดส่งใบรับรองการจับได้อย่างไร อีกประเด็นที่ไทยให้ความสนใจ คือ เรื่องอุตสาหกรรมมะพร้าว ที่ไทยกำลังประสบปัญหาในด้านวัตถุดิบเนื่องจากปัญหาโรคแมลงศัตรูพืช ซึ่งจะต้องมีการหารือในด้านการลงทุนระหว่างกัน
ส่วนประเด็นที่ทางฟิจิให้ความสนใจ คือ การพัฒนาด้านการเกษตร ทั้งด้านพืช ปศุสัตว์ ประมงและสหกรณ์ ที่ทางฝ่ายไทยยินดีที่จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการฝึกอบรม ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกันในการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างสองประเทศ (เอ็มโอยู) เพื่อแลกเปลี่ยนงานด้านวิชาการ การช่วยเหลือเพื่อพัฒนาภาคเกษตร รวมถึงการลงทุนที่จะต้องเอาภาคเอกชนเข้าไปร่วมด้วย โดยภายในเดือนมิถุนายน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมหารือในรายละเอียดกับทางฟิจิ โดยกำหนดกรอบระยะเวลาที่ร่างเอ็มโอยูจะแล้วเสร็จประมาณเดือนสิงหาคม ซึ่งในระหว่างนี้สิ่งที่จะต้องเร่งดำเนินการคือความร่วมมือด้านการประมงที่จะต้องหารือร่วมกันอย่างใกล้ชิด
สำหรับมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับฟิจิในปี 2557 พบว่า มีมูลค่าทั้งสิ้น 2,100 ล้านบาท โดยไทยส่งออกสินค้าจำนวน 1,800 ล้านบาท และนำเข้าจากฟิจิ 270 ล้านบาท ซึ่งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรส่งออกที่ไทยส่งไปฟิจิที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว ผลไม้กระป๋อง และแปรรูป ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าที่สำคัญจากฟิจิ เช่น สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูป เป็นต้น
ส่วนประเด็นที่ทางฟิจิให้ความสนใจ คือ การพัฒนาด้านการเกษตร ทั้งด้านพืช ปศุสัตว์ ประมงและสหกรณ์ ที่ทางฝ่ายไทยยินดีที่จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการฝึกอบรม ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกันในการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างสองประเทศ (เอ็มโอยู) เพื่อแลกเปลี่ยนงานด้านวิชาการ การช่วยเหลือเพื่อพัฒนาภาคเกษตร รวมถึงการลงทุนที่จะต้องเอาภาคเอกชนเข้าไปร่วมด้วย โดยภายในเดือนมิถุนายน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมหารือในรายละเอียดกับทางฟิจิ โดยกำหนดกรอบระยะเวลาที่ร่างเอ็มโอยูจะแล้วเสร็จประมาณเดือนสิงหาคม ซึ่งในระหว่างนี้สิ่งที่จะต้องเร่งดำเนินการคือความร่วมมือด้านการประมงที่จะต้องหารือร่วมกันอย่างใกล้ชิด
สำหรับมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับฟิจิในปี 2557 พบว่า มีมูลค่าทั้งสิ้น 2,100 ล้านบาท โดยไทยส่งออกสินค้าจำนวน 1,800 ล้านบาท และนำเข้าจากฟิจิ 270 ล้านบาท ซึ่งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรส่งออกที่ไทยส่งไปฟิจิที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว ผลไม้กระป๋อง และแปรรูป ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าที่สำคัญจากฟิจิ เช่น สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูป เป็นต้น
