พิษณุโลก - รมว.เกษตรฯ ยกคณะลงผืนนาเมืองสองแคว หลังปรับเวลาปล่อยน้ำให้ชาวนาลุ่มน้ำยม-ลุ่มน้ำน่านตอนกลางทำนาได้เร็วขึ้น หนีปัญหาน้ำหลากเป็นปีแรก พบทุกพื้นที่ปลูกข้าวแล้วเกิน 70%
วันนี้ (17 พ.ค.) นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ณ ห้องประชุมเขื่อนนเรศวร อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก พร้อมลงตรวจติดตามโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำท้ายเขื่อนชลประทาน และดูสถานการณ์ภัยแล้งพื้นที่ลุ่มน้ำยม-ลุ่มน้ำน่านตอนกลาง ในเขตของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนนเรศวร โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายม-น่าน ที่มักประสบปัญหาน้ำท่วมขังในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว
นายปีติพงศ์ กล่าวว่า ปีนี้กรมชลประทาน เริ่มปรับระยะเวลาการทำนาปีในพื้นที่ จ.พิษณุโลก ให้เร็วขึ้น 1 เดือน ตามความต้องการของเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นครั้งแรก จากเดิมที่จะเริ่มต้นปลูกในเดือนพฤษภาคม เปลี่ยนเป็นเริ่มปลูกเดือนเมษายน เพื่อให้เก็บเกี่ยวผลผลิตในเดือนกรกฎาคม ก่อนเข้าสู่ฤดูน้ำหลาก ที่มักเกิดในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคมของทุกปี
โดยได้เริ่มส่งน้ำมาตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นมา ทำให้ตลอดฤดูฝนนี้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนนเรศวร จะได้รับการจัดสรรน้ำทั้งสิ้น 94 ล้านลูกบาศก์เมตร ช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกได้ประมาณ 95,750 ไร่ ส่วนโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายม-น่าน ได้รับการจัดสรรน้ำ 264 ล้านลูกบาศก์เมตร ช่วยพื้นที่เพาะปลูกได้ประมาณ 290,694 ไร่
ล่าสุด จนถึงขณะนี้ พื้นที่ลุ่มต่ำของโครงการเขื่อนนเรศวร ทำการเพาะปลูกแล้ว 43,000 ไร่ คิดป็น 72% จากพื้นที่ลุ่มต่ำ 60,000 ไร่ ที่เหลือเป็นพื้นที่กำลังเตรียมแปลง 17,000 ไร่ ส่วนพื้นที่ลุ่มต่ำของโครงการยม-น่าน ทำการเพาะปลูกแล้วประมาณ 150,000 ไร่ คิดเป็น 73% จากพื้นที่ลุ่มต่ำทั้งหมด 205,000 ไร่ กำลังเตรียมแปลง 55,000 ไร่ ขณะที่พื้นที่ลุ่มต่ำของโครงการพลายชุมพล เพาะปลูกแล้วประมาณ 19,600 ไร่ คิดเป็น 78% จากพื้นที่ลุ่มต่ำ 25,000 ไร่ กำลังเตรียมแปลง 5,400 ไร่
นายปีติพงศ์ กล่าวว่า สำหรับโครงการตำบลละล้าน เพื่อสร้างรายได้ และพัฒนาการเกษตร และบรรเทาปัญหาภัยแล้ง ผ่านการอนุมัติ 6,598 โครงการ งบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท มีเกษตรกรได้รับประโยชน์ 2,605,283 ครัวเรือน
ด้าน ม.ล.อนุมาศ ทองแถม ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 3 กรมชลประทาน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ชลประทานที่ 3 ซึ่งมีพื้นที่รับผิดชอบ 4 จังหวัด ประกอบด้วย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร และนครสวรรค์ ว่า ขณะนี้สภาพน้ำท่าในลำน้ำปิง ยม และน่าน มีปริมาณเฉลี่ยราวร้อยละ 15 ของลำน้ำเท่านั้น น้อยกว่าแผนที่วางไว้
ส่วนปริมาณน้ำต้นทุนที่มาจาก 3 เขื่อนหลัก คือ เขื่อนภูมิพล มีปริมาณน้ำใช้การได้ 1,140 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 8 ของปริมาณการกักเก็บ เขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 1,612 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 17 ของปริมาณการเก็บกัก และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีน้ำใช้การได้ 179 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 19 ของปริมาณการกักเก็บ