นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวเปิดงานเสวนาอนุรักษ์พัฒนาศิลปะการแสดงลิเกพื้นบ้าน ที่จังหวัดนครสวรรค์ ว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้จัดกิจกรรมเพื่อรับฟังปัญหา และพร้อมรับข้อเสนอแนะเพื่อช่วยเหลือศิลปินให้มีการแสดงอย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนให้จัดตั้งสมาคมลิเกแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างความร่วมมือในหมู่คณะลิเก และช่วยกันหางาน พัฒนารูปแบบการแสดงให้เข้ายุคสมัย และหามาตรการทางการตลาดกระตุ้นการจ้างงานคณะลิเก โดยจัดทำเว็บไซต์รวบรวมรายชื่อคณะลิเก การแสดงพื้นบ้านเพื่อเป็นช่องทางติดต่อกับผู้ว่าจ้างได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ จะหาแนวทางจัดสวัสดิการช่วยเหลือ ศิลปินพื้นบ้านอาวุโสที่เจ็บป่วย ซึ่งจะต้องมีเกณฑ์การพิจารณาที่เหมาะสมแต่ละบุคคล
ด้านนายไพศาล เข็มกลัด ที่ปรึกษาชมรมลิเกจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยไม่ให้ความสนใจการแสดงลิเก ทำให้งานลดลงมาก จากที่เคยมีจัดแสดงตามงานบุญ งานประเพณี เหลือเพียงงานแก้บน ทำให้เงินเลี้ยงคณะลดน้อยลงทุกวัน จนลูกทีมบางคนต้องทำอาชีพอื่นควบคู่ไปด้วย ส่งผลให้ขาดผู้สืบทอดต่อไป จึงอยากให้รัฐบาลเข้ามาดูแล หาพื้นที่เปิดเวทีการแสดงให้ชาวคณะลิเกได้มีการแสดงประจำ เพื่อสร้างการรับรู้ให้คนไทยเห็นความสำคัญ รวมทั้งกระทรวงศึกษาธิการควรส่งเสริมการเรียนการสอนลิเกเป็นวิชาเลือก และหาครู ที่มีความรอบรู้ไปสอน ทั้งนี้เพื่อช่วยพยุงให้ลิเกอยู่ในความรู้จักของเด็กและเยาวชนมากขึ้น
ดร.มงคล ศัยยกุล รองคณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ กล่าวว่า วัยรุ่นไทยสมัยใหม่ เปิดรับวัฒนธรรมต่างชาติ ทั้ง จีน เกาหลี ญี่ปุ่น และทางชาติตะวันตก ทั้งการแสดงสมัยใหม่ ศิลปินต่างประเทศ มีอิทธิพลครอบงำให้เด็กไทยเกิดกระแสคลั่งไคล้มาก จนไม่เห็นความสำคัญของการแสดงทางวัฒนธรรมไทย ซึ่งเป็นมรดกของชาติ และจะส่งผลให้การแสดงพื้นบ้านค่อยๆ จบสิ้นไปในระยะเวลาอันใกล้ โดยเฉพาะลิเก เป็นการแสดงที่อยู่คู่สังคมไทยมาอย่างยาวนาน หากไม่ได้รับการสืบทอด ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก
“ถึงเวลาแล้ว ที่ วธ.ควรเข้ามาช่วยเหลือ ควรมีหน่วยงานกลางทำหน้าที่รักษา วัฒนธรรม ซึ่งหมายถึง วิถีชีวิต และ ความเป็นอยู่ ของชาวบ้านเอาไว้ ไม่ใช่เพียงลิเกเท่านั้น แต่รวมถึงการแสดงพื้นบ้านอื่นๆ ด้วย ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยก็ควรจะเป็นหลักช่วยขับเคลื่อนการศึกษาศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ให้กับนักศึกษาด้วย”
ด้านนายบุญเลิศ นาจพินิจ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ลิเก) กล่าวว่า ในยุคนี้ คณะลิเกดังๆ มีอยู่ 5-6 คณะ ก็ได้รับการจ้างมาก ส่วนคณะที่ไม่ดังซึ่งมีจำนวนมาก มีงานน้อย ในสมัยก่อน ลิเกจะมีเวทีการแสดงประจำทุกภาค แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ทำให้คนดูลดลง ลิเกห่างคนดู สิ่งที่อยากให้รัฐบาลเข้ามาดูแล คือ การหาพื้นที่ เปิดเวทีการแสดงให้ชาวคณะลิเก ได้มีการแสดงประจำ เพื่อสร้างการรับรู้ ให้คนไทยเห็นความสำคัญ รวมทั้ง กระทรวงศึกษาธิการ ก็ควรมีการส่งเสริมการเรียนการสอนลิเก ให้กับนักเรียน นักศึกษา ซึ่งอาจจะเป็นวิชาเลือก และควรหาครู ที่มีความรอบรู้ไปสอน ซึ่งจะเป็นการช่วยพยุงให้ลิเก อยู่ในความรู้จักของเด็กและเยาวชนมากขึ้น
ด้านนายไพศาล เข็มกลัด ที่ปรึกษาชมรมลิเกจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยไม่ให้ความสนใจการแสดงลิเก ทำให้งานลดลงมาก จากที่เคยมีจัดแสดงตามงานบุญ งานประเพณี เหลือเพียงงานแก้บน ทำให้เงินเลี้ยงคณะลดน้อยลงทุกวัน จนลูกทีมบางคนต้องทำอาชีพอื่นควบคู่ไปด้วย ส่งผลให้ขาดผู้สืบทอดต่อไป จึงอยากให้รัฐบาลเข้ามาดูแล หาพื้นที่เปิดเวทีการแสดงให้ชาวคณะลิเกได้มีการแสดงประจำ เพื่อสร้างการรับรู้ให้คนไทยเห็นความสำคัญ รวมทั้งกระทรวงศึกษาธิการควรส่งเสริมการเรียนการสอนลิเกเป็นวิชาเลือก และหาครู ที่มีความรอบรู้ไปสอน ทั้งนี้เพื่อช่วยพยุงให้ลิเกอยู่ในความรู้จักของเด็กและเยาวชนมากขึ้น
ดร.มงคล ศัยยกุล รองคณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ กล่าวว่า วัยรุ่นไทยสมัยใหม่ เปิดรับวัฒนธรรมต่างชาติ ทั้ง จีน เกาหลี ญี่ปุ่น และทางชาติตะวันตก ทั้งการแสดงสมัยใหม่ ศิลปินต่างประเทศ มีอิทธิพลครอบงำให้เด็กไทยเกิดกระแสคลั่งไคล้มาก จนไม่เห็นความสำคัญของการแสดงทางวัฒนธรรมไทย ซึ่งเป็นมรดกของชาติ และจะส่งผลให้การแสดงพื้นบ้านค่อยๆ จบสิ้นไปในระยะเวลาอันใกล้ โดยเฉพาะลิเก เป็นการแสดงที่อยู่คู่สังคมไทยมาอย่างยาวนาน หากไม่ได้รับการสืบทอด ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก
“ถึงเวลาแล้ว ที่ วธ.ควรเข้ามาช่วยเหลือ ควรมีหน่วยงานกลางทำหน้าที่รักษา วัฒนธรรม ซึ่งหมายถึง วิถีชีวิต และ ความเป็นอยู่ ของชาวบ้านเอาไว้ ไม่ใช่เพียงลิเกเท่านั้น แต่รวมถึงการแสดงพื้นบ้านอื่นๆ ด้วย ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยก็ควรจะเป็นหลักช่วยขับเคลื่อนการศึกษาศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ให้กับนักศึกษาด้วย”
ด้านนายบุญเลิศ นาจพินิจ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ลิเก) กล่าวว่า ในยุคนี้ คณะลิเกดังๆ มีอยู่ 5-6 คณะ ก็ได้รับการจ้างมาก ส่วนคณะที่ไม่ดังซึ่งมีจำนวนมาก มีงานน้อย ในสมัยก่อน ลิเกจะมีเวทีการแสดงประจำทุกภาค แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ทำให้คนดูลดลง ลิเกห่างคนดู สิ่งที่อยากให้รัฐบาลเข้ามาดูแล คือ การหาพื้นที่ เปิดเวทีการแสดงให้ชาวคณะลิเก ได้มีการแสดงประจำ เพื่อสร้างการรับรู้ ให้คนไทยเห็นความสำคัญ รวมทั้ง กระทรวงศึกษาธิการ ก็ควรมีการส่งเสริมการเรียนการสอนลิเก ให้กับนักเรียน นักศึกษา ซึ่งอาจจะเป็นวิชาเลือก และควรหาครู ที่มีความรอบรู้ไปสอน ซึ่งจะเป็นการช่วยพยุงให้ลิเก อยู่ในความรู้จักของเด็กและเยาวชนมากขึ้น
