นายพรชัย รุจิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า กระทรวงไอซีทีได้เร่งดำเนินการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy Promotion) เพื่อให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายในระยะเวลา 6 เดือน โดยกำหนด 4 มาตรการหลักที่ต้องเร่งดำเนินการ ได้แก่ 1. ส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้มีศักยภาพในการใช้ระบบออนไลน์ทำธุรกิจ ซึ่งมีแนวทางในการดำเนินงานร่วมกับภาคเอกชนผลักดันให้ธุรกิจใช้ e-Invoice และเพิ่มช่องทางการค้าด้วย e-Commerce รวมทั้งปรับปรุงระบบงานภายใน เพื่อรองรับการทำธุรกิจด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างเหมาะสม
2. ส่งเสริมการพัฒนาระบบ e-supply chain เพื่อเชื่อมโยงธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยอาศัยมาตรฐานข้อมูลและระบบบริการด้วยดิจิทัล ซึ่งมุ่งเน้นการทำงานร่วมกับภาคเอกชน เช่น โครงการที่ร่วมดำเนินการกับสภาอุตสาหกรรมจัดทำโครงการ e-SCM (e-Supply Chain Management) และโครงการที่ร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจค้าปลีกจัดทำโครงการ e-SCM สำหรับธุรกิจค้าปลีก
3. สนับสนุนให้เกิดธุรกิจเกิดใหม่ดิจิทัล (Digital Entrepreneurs) โดยร่วมกับภาคเอกชนในการพัฒนารูปแบบใหม่ทางธุรกิจ (Business model innovation) ที่จำเป็นต่อการขยายฐานธุรกิจด้าน Digital Business การสร้างเครือข่ายกับกลุ่มผู้นำด้าน Tech Startups ในระดับโลก เพื่อให้เกิดการร่วมลงทุน การถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ด้านรูปแบบธุรกิจและนวัตกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจเกิดใหม่ดิจิทัล รวมทั้งจัดทำข้อเสนอแนะมาตรการที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการสร้างธุรกิจเกิดใหม่ในอนาคต
4. ส่งเสริมธุรกิจในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Creative Economy โดยร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อหาแนวทางในการพัฒนาธุรกิจ/อุตสาหกรรมเนื้อหาดิจิทัล (Digital Contents) ที่ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมภาพยนตร์ แอนิเมชั่น การ์ตูน เกม ละคร เป็นต้น ให้มีมาตรฐานในการผลิตสื่อที่สร้างสรรค์ ปลูกฝังจิตสำนึกที่ดี มีช่องทางการตลาดที่หลากหลาย พร้อมฐานลูกค้าที่เข้มแข็ง ปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีต่อผู้บริโภค และปลอดภัยจากการถูกละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ตลอดจนการพัฒนาบุคลากรผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่ขาดแคลนเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม และมาตรการการส่งเสริมธุรกิจ อุตสาหกรรม
ทั้งนี้ คณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตั้งเป้าหมายภายในระยะเวลา 3 ปี จะสามารถส่งเสริมการค้าผ่านสื่อดิจิทัลให้ SMEs ไม่ต่ำกว่า 20,000 ราย ให้ปรับเปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจแบบออนไลน์ได้อย่างเต็มรูปแบบ และสร้างธุรกิจเกิดใหม่ดิจิทัลไม่ต่ำกว่า 300 ราย รวมถึงการสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างนวัตกรรมด้านบริการใหม่ และธุรกิจใหม่ที่ตลาดต้องการรวมกันไม่ต่ำกว่า 1,500 ราย
2. ส่งเสริมการพัฒนาระบบ e-supply chain เพื่อเชื่อมโยงธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยอาศัยมาตรฐานข้อมูลและระบบบริการด้วยดิจิทัล ซึ่งมุ่งเน้นการทำงานร่วมกับภาคเอกชน เช่น โครงการที่ร่วมดำเนินการกับสภาอุตสาหกรรมจัดทำโครงการ e-SCM (e-Supply Chain Management) และโครงการที่ร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจค้าปลีกจัดทำโครงการ e-SCM สำหรับธุรกิจค้าปลีก
3. สนับสนุนให้เกิดธุรกิจเกิดใหม่ดิจิทัล (Digital Entrepreneurs) โดยร่วมกับภาคเอกชนในการพัฒนารูปแบบใหม่ทางธุรกิจ (Business model innovation) ที่จำเป็นต่อการขยายฐานธุรกิจด้าน Digital Business การสร้างเครือข่ายกับกลุ่มผู้นำด้าน Tech Startups ในระดับโลก เพื่อให้เกิดการร่วมลงทุน การถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ด้านรูปแบบธุรกิจและนวัตกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจเกิดใหม่ดิจิทัล รวมทั้งจัดทำข้อเสนอแนะมาตรการที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการสร้างธุรกิจเกิดใหม่ในอนาคต
4. ส่งเสริมธุรกิจในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Creative Economy โดยร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อหาแนวทางในการพัฒนาธุรกิจ/อุตสาหกรรมเนื้อหาดิจิทัล (Digital Contents) ที่ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมภาพยนตร์ แอนิเมชั่น การ์ตูน เกม ละคร เป็นต้น ให้มีมาตรฐานในการผลิตสื่อที่สร้างสรรค์ ปลูกฝังจิตสำนึกที่ดี มีช่องทางการตลาดที่หลากหลาย พร้อมฐานลูกค้าที่เข้มแข็ง ปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีต่อผู้บริโภค และปลอดภัยจากการถูกละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ตลอดจนการพัฒนาบุคลากรผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่ขาดแคลนเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม และมาตรการการส่งเสริมธุรกิจ อุตสาหกรรม
ทั้งนี้ คณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตั้งเป้าหมายภายในระยะเวลา 3 ปี จะสามารถส่งเสริมการค้าผ่านสื่อดิจิทัลให้ SMEs ไม่ต่ำกว่า 20,000 ราย ให้ปรับเปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจแบบออนไลน์ได้อย่างเต็มรูปแบบ และสร้างธุรกิจเกิดใหม่ดิจิทัลไม่ต่ำกว่า 300 ราย รวมถึงการสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างนวัตกรรมด้านบริการใหม่ และธุรกิจใหม่ที่ตลาดต้องการรวมกันไม่ต่ำกว่า 1,500 ราย
