ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ว่า ราคาหุ้นในตลาดที่พุ่งสูงในขณะนี้จะทำให้เกิดอันตรายได้ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 6 พ.ค. ในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 86.22 จุด หรือ 0.48% ปิดที่ 17,841.98 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 9.31 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 2,080.15 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กลดลง 19.69 จุด หรือ 0.40% ปิดที่ 4,919.64 จุด
ตัวเลขจากสถาบัน เอดีพี ระบุว่า สหรัฐฯมีการจ้างงานในภาคเอกชนในเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้นเพียง 169,000 ตำแหน่ง นับเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันที่ตัวเลขออกมาต่ำกว่า 200,000 ตำแหน่ง ขณะเดียวกัน นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกมาเตือนว่า เมื่อดูบทเรียนจากวิกฤติการเงินในปี 2008 มูลค่าของตลาดหุ้นสหรัฐฯในปัจจุบันถือว่า ค่อนข้างสูง และอาจเป็นอันตรายต่อความเสถียรภาพทางการเงิน
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย หลังจากมีรายงานว่าภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้แสดงความกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
ปัจจัยข้างต้นนี้เองที่ทำให้ราคาทองคำในวันพุธ(6พ.ค.) ปิดลบเล็กน้อย โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 2.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,190.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ช่วงหนึ่งของการซื้อขายพุ่งขึ้นมากกว่า 2 ดอลลาร์ อยู่ที่ 62.58 ดอลลาร์ สูงสุดในรอบปี ก่อนปรับตัวลงปิดที่ 60.93 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 53 เซนต์
ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน ช่วงหนึ่งขึ้นไปอยู่ที่ 69.63 ดอลลาร์ สูงสุดในปี 2015 ก่อนลงมาปิดที่ 67.77 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 25 เซนต์
ความเคลื่อนไหวในทางบวกของราคาน้ำมันในวันพุธ(6พ.ค.) มีขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 3.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 487 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล นับเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ตัวเลขดังกล่าวมากกว่าที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) คาดหมายไว้กว่า 2 เท่า และสวนทางกับที่เหล่านักวิเคราะห์ประมาณการณ์ไว้ว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 17 ติดต่อกัน
นักลงทุนและเทรดเดอร์เริ่มเทขายทำกำไร เมื่อราคาน้ำมันพุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบปี หลังจากราคาน้ำมันขยับขึ้นต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ติดต่อกัน นอกจากนี้สกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ก็เป็นปัจจัยสนับสนุนราคาน้ำมันเช่นกัน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 6 พ.ค. ในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 86.22 จุด หรือ 0.48% ปิดที่ 17,841.98 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 9.31 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 2,080.15 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กลดลง 19.69 จุด หรือ 0.40% ปิดที่ 4,919.64 จุด
ตัวเลขจากสถาบัน เอดีพี ระบุว่า สหรัฐฯมีการจ้างงานในภาคเอกชนในเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้นเพียง 169,000 ตำแหน่ง นับเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันที่ตัวเลขออกมาต่ำกว่า 200,000 ตำแหน่ง ขณะเดียวกัน นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกมาเตือนว่า เมื่อดูบทเรียนจากวิกฤติการเงินในปี 2008 มูลค่าของตลาดหุ้นสหรัฐฯในปัจจุบันถือว่า ค่อนข้างสูง และอาจเป็นอันตรายต่อความเสถียรภาพทางการเงิน
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย หลังจากมีรายงานว่าภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้แสดงความกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
ปัจจัยข้างต้นนี้เองที่ทำให้ราคาทองคำในวันพุธ(6พ.ค.) ปิดลบเล็กน้อย โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 2.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,190.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ช่วงหนึ่งของการซื้อขายพุ่งขึ้นมากกว่า 2 ดอลลาร์ อยู่ที่ 62.58 ดอลลาร์ สูงสุดในรอบปี ก่อนปรับตัวลงปิดที่ 60.93 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 53 เซนต์
ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน ช่วงหนึ่งขึ้นไปอยู่ที่ 69.63 ดอลลาร์ สูงสุดในปี 2015 ก่อนลงมาปิดที่ 67.77 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 25 เซนต์
ความเคลื่อนไหวในทางบวกของราคาน้ำมันในวันพุธ(6พ.ค.) มีขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 3.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 487 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล นับเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ตัวเลขดังกล่าวมากกว่าที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) คาดหมายไว้กว่า 2 เท่า และสวนทางกับที่เหล่านักวิเคราะห์ประมาณการณ์ไว้ว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 17 ติดต่อกัน
นักลงทุนและเทรดเดอร์เริ่มเทขายทำกำไร เมื่อราคาน้ำมันพุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบปี หลังจากราคาน้ำมันขยับขึ้นต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ติดต่อกัน นอกจากนี้สกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ก็เป็นปัจจัยสนับสนุนราคาน้ำมันเช่นกัน