พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า จากข้อมูลจำนวนผู้สูงอายุในประเทศไทยจะมีจำนวนมากขึ้น เงินที่จะช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุปัจจุบันมาจากกองทุนช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุที่รัฐบาลมอบเงินให้ผู้สูงอายุเป็นรายเดือน มีอัตรา 500 บาท 600 บาท หรือ 800 บาทต่อเดือนตามเงื่อนไข รวมทั้งกองทุนการออมแห่งชาติ แต่นายกรัฐมนตรีเห็นว่าการช่วยเหลือที่มียังไม่เพียงพอ ในวันข้างหน้าประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประเทศที่มีจำนวนผู้สูงอายุมากขึ้น จึงมอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกระทรวงการคลังไปพิจารณาว่าจะจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้สูงวัยโดยเฉพาะผู้ยากไร้
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ในส่วนของกองทุนการออมแห่งชาติที่มีอยู่ จะกำหนดสัดส่วนว่ารัฐบาลลงเงินสมทบเท่าใด และผู้สูงอายุลงเงินเข้ากองทุนเท่าใด ซึ่งส่วนใหญ่คนที่สมัครเข้ากองทุนก็มีเงินไม่มากนัก ดังนั้นจะดูแลผู้สูงอายุได้ระดับหนึ่งเท่านั้น วันข้างหน้าคนสูงอายุมากขึ้น การรักษาพยาบาลดีขึ้น คนตายน้อยลงรัฐบาลจะมีภาระในการจ่ายเงินในส่วนนี้มาก ถ้าจะนำงบประมาณมาจ่ายสมทบในส่วนนี้จะเป็นภาระงบประมาณและทำให้เสียโอกาสในการลงทุน โดยเฉพาะการดำเนินการเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน จึงมาคิดว่าหาเงินอื่นได้ไหมเอามาใส่ในกองทุนใหม่สำหรับดูแลผู้สูงอายุ โดยเฉพาะภาษีบาป เช่น ภาษีจากสุรา เพื่อไม่ให้กระทบกับงบประมาณในการลงทุน
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ในส่วนของกองทุนการออมแห่งชาติที่มีอยู่ จะกำหนดสัดส่วนว่ารัฐบาลลงเงินสมทบเท่าใด และผู้สูงอายุลงเงินเข้ากองทุนเท่าใด ซึ่งส่วนใหญ่คนที่สมัครเข้ากองทุนก็มีเงินไม่มากนัก ดังนั้นจะดูแลผู้สูงอายุได้ระดับหนึ่งเท่านั้น วันข้างหน้าคนสูงอายุมากขึ้น การรักษาพยาบาลดีขึ้น คนตายน้อยลงรัฐบาลจะมีภาระในการจ่ายเงินในส่วนนี้มาก ถ้าจะนำงบประมาณมาจ่ายสมทบในส่วนนี้จะเป็นภาระงบประมาณและทำให้เสียโอกาสในการลงทุน โดยเฉพาะการดำเนินการเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน จึงมาคิดว่าหาเงินอื่นได้ไหมเอามาใส่ในกองทุนใหม่สำหรับดูแลผู้สูงอายุ โดยเฉพาะภาษีบาป เช่น ภาษีจากสุรา เพื่อไม่ให้กระทบกับงบประมาณในการลงทุน
