สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซียว่านายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย แถลงเมื่อวันศุกร์ เกี่ยวกับกรณีที่กองทัพสหรัฐฯ ทยอยส่งที่ปรึกษาทางทหาร สังกัดหน่วยพลร่มที่ 173 จำนวน 300 นาย ทยอยเดินทางเข้าไปในยูเครน เพื่อให้ความช่วยเหลือกองทัพรัฐบาลเคียฟเป็นเวลา 6 เดือน ว่าจะยิ่งเป็นการบ่อนทำลายสถานการณ์สู้รบในภาคตะวันออกที่มีความเปราะบางอยู่แล้ว ให้ยิ่งเลวร้ายและทวีความรุนแรงขึ้นอีก
ขณะที่กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ออกแถลงการณ์ประณามความเคลื่อนไหวดังกล่าวของกองทัพสหรัฐฯ อย่างหนักหน่วงว่า คือการส่งเสริมให้เกิดการนองเลือดในประเทศเพื่อนบ้านของรัสเซีย และเป็นก้าวแรกของรัฐบาลวอชิงตันสู่การส่งมอบความช่วยเหลือด้านอาวุธอย่างเต็มรูปแบบให้แก่กองทัพยูเครนในอนาคต ตามความประสงค์ของรัฐบาลเคียฟ ทั้งนี้ รัฐบาลรัสเซียเชื่อมั่นและกล่าวหารัฐบาลสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ว่าอยู่เบื้องหลังการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ เพื่อโค่นอำนาจประธานาธิบดีวิคเตอร์ ยานูโควิช ซึ่งมีแนวคิดทางการเมืองเอนเอียงไปทางรัฐบาลมอสโก เมื่อปลายปี 2556 และเป็นสาเหตุของการร้าวฉานในความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับตะวันตกในระดับรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่สิ้นสุดยุคสงครามเย็น
ขณะที่กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ออกแถลงการณ์ประณามความเคลื่อนไหวดังกล่าวของกองทัพสหรัฐฯ อย่างหนักหน่วงว่า คือการส่งเสริมให้เกิดการนองเลือดในประเทศเพื่อนบ้านของรัสเซีย และเป็นก้าวแรกของรัฐบาลวอชิงตันสู่การส่งมอบความช่วยเหลือด้านอาวุธอย่างเต็มรูปแบบให้แก่กองทัพยูเครนในอนาคต ตามความประสงค์ของรัฐบาลเคียฟ ทั้งนี้ รัฐบาลรัสเซียเชื่อมั่นและกล่าวหารัฐบาลสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ว่าอยู่เบื้องหลังการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ เพื่อโค่นอำนาจประธานาธิบดีวิคเตอร์ ยานูโควิช ซึ่งมีแนวคิดทางการเมืองเอนเอียงไปทางรัฐบาลมอสโก เมื่อปลายปี 2556 และเป็นสาเหตุของการร้าวฉานในความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับตะวันตกในระดับรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่สิ้นสุดยุคสงครามเย็น