สหรัฐฯ ยันปินส์ไม่ได้ขอให้ “ถอนทหาร” ออกจากประเทศตามคำพูด “ดูเตอร์เต”

เอเอฟพี - สหรัฐฯ ระบุว่ารัฐบาลฟิลิปปินส์ไม่ได้แจ้งความต้องการของประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ที่จะให้ถอนที่ปรึกษาทางทหารของสหรัฐฯ ออกจากภาคใต้ของฟิลิปปินส์ซึ่งมีความไม่สงบจากการก่อกบฏ

นับตั้งแต่ปี 2002 ที่ปรึกษาชาวอเมริกันถูกส่งไปประจำการในภูมิภาคมินดาเนาแล้วถึง 600 คนเพื่อฝึกฝนทหารให้สู้รบกับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง แต่จำนวนของพวกเขาลดน้อยลงในช่วงไม่กี่ปีมานี้

หนึ่งสัปดาห์หลังจากเรียกประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ว่า “ลูกโสเภณี” ผู้นำปากจัดรายนี้กล่าวเมื่อวันจันทร์ (12) ว่า หน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ “ต้องออกไป”

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ เพอร์เฟกโต ยาเซย์ พยายามที่จะอธิบายความคิดเห็นของดูเตอร์เตให้รุนแรงน้อยลง โดยระบุในวันนี้ (13) ว่า มันอยู่บริบทของความต้องการที่จะรักษาชีวิตของชาวอเมริกันเหล่านี้ซึ่งอาจจะกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงจากการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธโดยไม่จำเป็น

ในวอชิงตัน กระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศระบุว่า พวกเขาไม่ได้รับการติดต่ออย่างเป็นทางการจากมะนิลาเกี่ยวกับการถอนที่ปรึกษาที่เหลือออก ยาเซย์ระบุว่า ตอนนี้พวกเขามีจำนวนอยู่ที่ราว 100 คน

“เราจะให้คำปรึกษาหุ้นส่วนชาวฟิลิปปินส์ของเราอย่างใกล้ชิดต่อไปเพื่อปรับความช่วยเหลือของเราให้เข้ากับวิธีการใดก็ตามที่รัฐบาลชุดใหม่นี้จะนำมาใช้” แกรี รอส โฆษกเพนตากอน กล่าว

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ จอห์น เคอร์บี กล่าวว่า พวกเขาไม่ได้รับการร้องขออย่างเป็นทางการใดๆ จากรัฐบาลฟิลิปปินส์

ยาเซย์ซึ่งให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เอบีเอส-ซีบีเอ็นของมะนิลายืนยันว่า เหล่าพันธมิตรไม่ได้หารือกันเรื่องข้อเรียกร้องของดูเตอร์เต

ดูเตอร์เต วัย 71 ปี กล่าวว่า เขาไม่ใช่ผู้นิยมชมชอบสหรัฐฯ และอธิบายข้อเรียกร้องของเขาเมื่อวานนี้ (12) ด้วยการแสดงรูปภาพของทหารสหรัฐฯ ที่กำลังสังหารชาวมุสลิมในสมัยที่อเมริกายึดครองอาณานิคมแห่งใหม่ของพวกเขาในช่วงต้นทศวรรษ 1900

เขากล่าวว่า ความคิดเห็นนี้เกิดมาจากเสียงวิจารณ์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ต่อสงครามยาเสพติดของเขาซึ่งคร่าชีวิตคนแล้วราว 3,000 รายนับตั้งแต่ที่เขาเข้ารับตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม

โอบามากล่าวว่า ดูเตอร์เตต้องจัดการกับสงครามอาชญากรรมของเขา “ให้ถูกทาง” และปกป้องสิทธิมนุษยชน

ยาเซย์เน้นย้ำว่า ความคิดเห็นล่าสุดของดูเตอร์เตไม่ได้เป็นสัญญาณของการปรับเปลี่ยนนโยบาย และว่าความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ยังคงเข้มแข็งอยู่

ท่านประธานาธิบดีเพียงแค่ต้องการปกป้องชาวอเมริกันจากการลักพาตัวและการก่อการร้ายในขณะที่พวกเขาตกเป็น “เป้าหมายชั้นดี” ยาเซย์กล่าว

ยาเซย์ซึ่งกำลังเดินทางไปวอชิงจันเพื่อเจรจากล่าวเสริมว่า รัฐบาลของดูเตอร์เตจะเคารพข้อตกลงด้านการป้องกันประเทศที่มีอยู่ รวมถึงข้อตกลงปี 2014 ที่อนุญาตให้กองทัพสหรัฐฯ เข้าถึงฐานทัพฟิลิปปินส์อย่างน้อย 5 แห่ง หนึ่งในนั้นอยู่ในมินดาเนา

ความคิดเห็นของเขาสวนทางโดยสิ้นเชิงกับคำอธิบายจาก เออร์เนสโต อเบลลา โฆษกของดูเตอร์เตที่กล่าวว่า ข้อเรียกร้องนี้ “สะท้องทิศทางใหม่ (ของดูเตอร์เต) สู่การกำหนดนโยบายต่างประเทศที่เป็นอิสระ”