พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตั้งแต่วันที่ 6-13 เมษายน มีจังหวัดได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน 38 จังหวัด 109 อำเภอ 253 ตำบล 979 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 7,975 หลัง ทั้งนี้ ได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประสานจังหวัดเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ประสบภัยเพื่อสำรวจความเสียหายและดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง พร้อมนำเครื่องอุปโภคบริโภค วัสดุซ่อมแซมบ้านเรือนไปมอบแก่ผู้ประสบภัยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น รวมถึงฟื้นฟูสิ่งสาธารณูปโภคและสิ่งสาธารณประโยชน์ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 6-13 เมษายน มีจังหวัดได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน 38 จังหวัด 109 อำเภอ 253 ตำบล 979 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 7,975 หลัง แยกเป็น ภาคเหนือ 11 จังหวัด ได้แก่ ตาก อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร น่าน เชียงใหม่ ลำปาง แพร่ เชียงราย พะเยา สุโขทัย และแม่ฮ่องสอน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 16 จังหวัด ได้แก่ เลย อำนาจเจริญ ยโสธร นครราชสีมา ร้อยเอ็ด ขอนแก่น นครพนม สกลนคร หนองบัวลำภู หนองคาย มหาสารคาม บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์ อุดรธานี ชัยภูมิ และบึงกาฬ ภาคกลาง 4 จังหวัด ได้แก่ อ่างทอง ลพบุรี ชัยนาท และนครสวรรค์ ภาคตะวันออก 5 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว จันทบุรี ชลบุรี ระยอง และตราด ภาคใต้ 2จังหวัด ได้แก่ ระนอง
และตรัง ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัดที่ประสบภัยพายุฤดูร้อนเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ประสบภัยนำเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคาและวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัย รวมถึงสำรวจความเสียหายของพื้นที่ประสบภัย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลัง
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ภัยทำหน้าที่ประสานการปฏิบัติกับพื้นที่เสี่ยงภัยและพื้นที่ประสบภัย พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสภาวะอากาศและพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา รวมถึงเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วและเตรียมเครื่องมือวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย
สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากพายุฤดูร้อน สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 6-13 เมษายน มีจังหวัดได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน 38 จังหวัด 109 อำเภอ 253 ตำบล 979 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 7,975 หลัง แยกเป็น ภาคเหนือ 11 จังหวัด ได้แก่ ตาก อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร น่าน เชียงใหม่ ลำปาง แพร่ เชียงราย พะเยา สุโขทัย และแม่ฮ่องสอน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 16 จังหวัด ได้แก่ เลย อำนาจเจริญ ยโสธร นครราชสีมา ร้อยเอ็ด ขอนแก่น นครพนม สกลนคร หนองบัวลำภู หนองคาย มหาสารคาม บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์ อุดรธานี ชัยภูมิ และบึงกาฬ ภาคกลาง 4 จังหวัด ได้แก่ อ่างทอง ลพบุรี ชัยนาท และนครสวรรค์ ภาคตะวันออก 5 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว จันทบุรี ชลบุรี ระยอง และตราด ภาคใต้ 2จังหวัด ได้แก่ ระนอง
และตรัง ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัดที่ประสบภัยพายุฤดูร้อนเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ประสบภัยนำเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคาและวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัย รวมถึงสำรวจความเสียหายของพื้นที่ประสบภัย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลัง
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ภัยทำหน้าที่ประสานการปฏิบัติกับพื้นที่เสี่ยงภัยและพื้นที่ประสบภัย พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสภาวะอากาศและพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา รวมถึงเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วและเตรียมเครื่องมือวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย
สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากพายุฤดูร้อน สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป