นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วันนี้ (10 เม.ย.) กระทรวงพลังงานได้เปิดตัวศูนย์เฝ้าระวังวิกฤตพลังงานในช่วงเทศกาลสงกรานต์ กระทรวงพลังงาน (ศร.พน.) เพื่อเป็นศูนย์กลางหลักในการเฝ้าระวังและรายงานสถานการณ์พลังงานในช่วง 10 วัน จากกรณีการปิดซ่อมบำรุงประจำปีของแหล่งก๊าซธรรมชาติ แหล่งยาดานาในประเทศพม่า ที่จะมีกำหนดปิดซ่อมบำรุงระหว่างวันที่ 10 – 19 เมษายนนี้ รวมทั้งจะติดตามปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุด หรือพีค (Peak) จากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวในปัจจุบัน โดยศูนย์เฝ้าระวังวิกฤตพลังงานฯจะรับหน้าที่เป็นศูนย์กลางรายงานข่าวด้านสถานการณ์พลังงานในช่วงวันหยุดสงกรานต์นี้ เพื่อให้ประชาชนคนไทยได้ใช้วันหยุดอย่างไม่ต้องมีความกังวลต่อวิกฤตพลังงาน ซึ่งกระทรวงพลังงานขอยืนยันว่ามีกลไกที่พร้อมรองรับสถานการณ์ได้หากเกิดวิกฤตด้านพลังงานนี้ขึ้น
พร้อมกันนี้ เพื่อเป็นการเตรียมการป้องกันในช่วงสงกรานต์ดังกล่าว กระทรวงพลังงาน จึงได้ออกคู่มือประชาชน "การรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงานของประเทศไทย" ซึ่งเบื้องต้นจะมีแนวทางปฏิบัติตัวหากเกิดเหตุฉุกเฉินด้านพลังงาน อาทิ ช่วงเกิดเหตุประชาชนไม่ควรตื่นตระหนก ให้เริ่มจากแจ้งเหตุที่เกิดขึ้น หากเป็นเหตุไฟฟ้าดับในต่างจังหวัดให้โทรศัพท์ไปยังคอลเซ็นเตอร์ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่หมายเลข 1129 หรือหากเป็นในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ให้โทรไปยังคอลเซ็นเตอร์ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ที่หมายเลข 1130 และหมายเลขฉุกเฉินกรณีไฟฟ้าดับเพิ่มเติม ได้แก่ คอลเซ็นเตอร์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่หมายเลข 1416 และหากเป็นกรณีเชื้อเพลิงขาดแคลนทาง ปตท.ได้เปิดคอลเซ็นเตอร์ที่หมายเลข 1365
ส่วนการเตรียมความพร้อม ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารและประกาศกระทรวงพลังงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะข่าวสารจากศูนย์เฝ้าระวังวิกฤตพลังงานฯ นี้ ซึ่งจะมีการเผยแพร่หลายช่องทาง ได้แก่ ทางเว็บไซต์กระทรวงพลังงาน และหน่วงานที่เกี่ยวข้อง เฟซบุ๊กกระทรวงพลังงาน หรือติดตามความคืบหน้าการรายงานสถานการณ์พลังงานจากสื่อมวลชนทุกแขนง ที่ศูนย์ฯ พร้อมจะกระจายข่าวทันทีหากเกิดเหตุวิกฤตด้านพลังงาน รวมถึงขั้นตอนการเฝ้าระวัง กรณีหากเกิดเหตุไฟฟ้าดับ เบื้องต้นกระทรวงพลังงานขอแนะนำให้ประชาชนตรวจสอบอุปกรณ์การให้แสงสว่าง ควรรักษาแบตตารี่ในโทรศัพท์มือถือของท่านเสมอเพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน เป็นต้น สำหรับคู่มือประชาชนนี้สามารถดาวน์โหลดได้ที่ www.energy.go.th
รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวเพิ่มว่า สำหรับช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ กระทรวงพลังงานได้กำชับให้ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และ กฟผ.ต้องประสานงานกันอย่างใกล้ชิด ในการสำรองและลำเลียงน้ำมันเตาให้เพียงพอ ซึ่งคาดว่าในช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่จะถึงนี้ อาจจะพบว่ามีรถขนส่งน้ำมันวิ่งต่อเนื่องในภาคตะวันตกบริเวณจังหวัดราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และรอบๆ กรุงเทพมหานคร เพื่อลำเลียงเชื้อเพลิงจากคลังน้ำมันเข้าสู่โรงไฟฟ้าในจังหวัดราชบุรีที่จะหนาแน่น และมีความถี่เป็นพิเศษมากกว่าในช่วงปกติ
พร้อมกันนี้ เพื่อเป็นการเตรียมการป้องกันในช่วงสงกรานต์ดังกล่าว กระทรวงพลังงาน จึงได้ออกคู่มือประชาชน "การรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงานของประเทศไทย" ซึ่งเบื้องต้นจะมีแนวทางปฏิบัติตัวหากเกิดเหตุฉุกเฉินด้านพลังงาน อาทิ ช่วงเกิดเหตุประชาชนไม่ควรตื่นตระหนก ให้เริ่มจากแจ้งเหตุที่เกิดขึ้น หากเป็นเหตุไฟฟ้าดับในต่างจังหวัดให้โทรศัพท์ไปยังคอลเซ็นเตอร์ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่หมายเลข 1129 หรือหากเป็นในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ให้โทรไปยังคอลเซ็นเตอร์ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ที่หมายเลข 1130 และหมายเลขฉุกเฉินกรณีไฟฟ้าดับเพิ่มเติม ได้แก่ คอลเซ็นเตอร์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่หมายเลข 1416 และหากเป็นกรณีเชื้อเพลิงขาดแคลนทาง ปตท.ได้เปิดคอลเซ็นเตอร์ที่หมายเลข 1365
ส่วนการเตรียมความพร้อม ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารและประกาศกระทรวงพลังงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะข่าวสารจากศูนย์เฝ้าระวังวิกฤตพลังงานฯ นี้ ซึ่งจะมีการเผยแพร่หลายช่องทาง ได้แก่ ทางเว็บไซต์กระทรวงพลังงาน และหน่วงานที่เกี่ยวข้อง เฟซบุ๊กกระทรวงพลังงาน หรือติดตามความคืบหน้าการรายงานสถานการณ์พลังงานจากสื่อมวลชนทุกแขนง ที่ศูนย์ฯ พร้อมจะกระจายข่าวทันทีหากเกิดเหตุวิกฤตด้านพลังงาน รวมถึงขั้นตอนการเฝ้าระวัง กรณีหากเกิดเหตุไฟฟ้าดับ เบื้องต้นกระทรวงพลังงานขอแนะนำให้ประชาชนตรวจสอบอุปกรณ์การให้แสงสว่าง ควรรักษาแบตตารี่ในโทรศัพท์มือถือของท่านเสมอเพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน เป็นต้น สำหรับคู่มือประชาชนนี้สามารถดาวน์โหลดได้ที่ www.energy.go.th
รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวเพิ่มว่า สำหรับช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ กระทรวงพลังงานได้กำชับให้ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และ กฟผ.ต้องประสานงานกันอย่างใกล้ชิด ในการสำรองและลำเลียงน้ำมันเตาให้เพียงพอ ซึ่งคาดว่าในช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่จะถึงนี้ อาจจะพบว่ามีรถขนส่งน้ำมันวิ่งต่อเนื่องในภาคตะวันตกบริเวณจังหวัดราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และรอบๆ กรุงเทพมหานคร เพื่อลำเลียงเชื้อเพลิงจากคลังน้ำมันเข้าสู่โรงไฟฟ้าในจังหวัดราชบุรีที่จะหนาแน่น และมีความถี่เป็นพิเศษมากกว่าในช่วงปกติ
