ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (10 เม.ย.) โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งทะลุระดับ 18,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากแผนการปรับโครงสร้างองค์กรของบริษัทเจเนอรัล อิเล็กทริค (จีอี) และการปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 98.92 จุด หรือ 0.55% ปิดที่ 18,057.65 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 10.88 จุด หรือ 0.52% ปิดที่ 2,102.06 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กเพิ่มขึ้น 21.41 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 4,995.98 จุด
หุ้นของบริษัท จีอี พุ่งขึ้นถึง 10.8% หลังบริษัทมีแผนจะปรับลดขนาดโครงสร้างของธุรกิจด้านการเงินของบริษัทด้วยการขายทรัพย์สินเกือบทั้งหมดของบริษัทจีอี แคปิตอล และหันไปให้ความสำคัญกับการลงทุนและการขยายตัวของธุรกิจระดับเวิลด์คลาสในภาคอุตสาหกรรมของบริษัท ขณะที่หุ้นของบริษัท แอปเปิล เพิ่มขึ้น 0.4% หลังเริ่มรับจอง แอปเปิล วอทช์
ด้านน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ ปิดที่ 51.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 2.35 ดอลลาร์
ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 57.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 3 ดอลลาร์
เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันรายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะในสหรัฐปรับตัวลดลง 40 แท่น มาอยู่ที่ 988 แท่นในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 10 เม.ย. นักวิเคราะห์เชื่อว่า ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำได้บีบบังคับให้บริษัทผู้ผลิตน้ำมันของสหรัฐต้องปรับลดกำลังการผลิตลง
ด้านสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 18,000 บาร์เรล แตะที่ 9.04 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ส่วนราคาทองคำเมื่อวันศุกร์ (10เม.ย.) ขยับขึ้นแรง แต่โดยรวมตลอดทั้งสัปดาห์ ถือว่าปิดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ ท่ามกลางแรงกดดันของดอลลาร์ที่แข็งค่าและความคาดหมายว่าเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยก่อนกำหนด โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 11.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,204.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแรงซื้อขายทางเทคนิค โดยนักวิเคราะห์ได้ใช้ความระมัดระวังเนื่องจากเชื่อว่าจะมีแรงเทขายหลังจากนี้ ซึ่งมีแนวโน้มจะสกัดการปรับตัวขึ้นของราคา
ทั้งนี้ ตลาดทองคำได้รับแรงกดดันจากข้อมูลการจ้างงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้
นอกจากนี้ ทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดอลลาร์ หลังดัชนีดอลลาร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.48% ที่ระดับ 99.45 เมื่อคืนนี้ ซึ่งโดยปกติราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในทิศทางที่สวนทางกันกับดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่า หากดอลลาร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ราคาทองคำจะปรับตัวลดลง เนื่องจากจะส่งผลให้ทองคำมีราคาที่สูงขึ้นสำหรับนักลงทุนต่างประเทศ
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ภาวะซบเซาของตลาดทองคำเกิดจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ในที่สุดแล้วธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะส่งผลให้นักลงทุนหันไปลงทุนในตลาดที่ให้ผลตอบแทนจากดอกเบี้ย เช่น ตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นแทน เนื่องจากทองคำไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปของอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 98.92 จุด หรือ 0.55% ปิดที่ 18,057.65 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 10.88 จุด หรือ 0.52% ปิดที่ 2,102.06 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กเพิ่มขึ้น 21.41 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 4,995.98 จุด
หุ้นของบริษัท จีอี พุ่งขึ้นถึง 10.8% หลังบริษัทมีแผนจะปรับลดขนาดโครงสร้างของธุรกิจด้านการเงินของบริษัทด้วยการขายทรัพย์สินเกือบทั้งหมดของบริษัทจีอี แคปิตอล และหันไปให้ความสำคัญกับการลงทุนและการขยายตัวของธุรกิจระดับเวิลด์คลาสในภาคอุตสาหกรรมของบริษัท ขณะที่หุ้นของบริษัท แอปเปิล เพิ่มขึ้น 0.4% หลังเริ่มรับจอง แอปเปิล วอทช์
ด้านน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ ปิดที่ 51.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 2.35 ดอลลาร์
ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 57.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 3 ดอลลาร์
เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันรายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะในสหรัฐปรับตัวลดลง 40 แท่น มาอยู่ที่ 988 แท่นในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 10 เม.ย. นักวิเคราะห์เชื่อว่า ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำได้บีบบังคับให้บริษัทผู้ผลิตน้ำมันของสหรัฐต้องปรับลดกำลังการผลิตลง
ด้านสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 18,000 บาร์เรล แตะที่ 9.04 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ส่วนราคาทองคำเมื่อวันศุกร์ (10เม.ย.) ขยับขึ้นแรง แต่โดยรวมตลอดทั้งสัปดาห์ ถือว่าปิดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ ท่ามกลางแรงกดดันของดอลลาร์ที่แข็งค่าและความคาดหมายว่าเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยก่อนกำหนด โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 11.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,204.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแรงซื้อขายทางเทคนิค โดยนักวิเคราะห์ได้ใช้ความระมัดระวังเนื่องจากเชื่อว่าจะมีแรงเทขายหลังจากนี้ ซึ่งมีแนวโน้มจะสกัดการปรับตัวขึ้นของราคา
ทั้งนี้ ตลาดทองคำได้รับแรงกดดันจากข้อมูลการจ้างงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้
นอกจากนี้ ทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดอลลาร์ หลังดัชนีดอลลาร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.48% ที่ระดับ 99.45 เมื่อคืนนี้ ซึ่งโดยปกติราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในทิศทางที่สวนทางกันกับดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่า หากดอลลาร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ราคาทองคำจะปรับตัวลดลง เนื่องจากจะส่งผลให้ทองคำมีราคาที่สูงขึ้นสำหรับนักลงทุนต่างประเทศ
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ภาวะซบเซาของตลาดทองคำเกิดจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ในที่สุดแล้วธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะส่งผลให้นักลงทุนหันไปลงทุนในตลาดที่ให้ผลตอบแทนจากดอกเบี้ย เช่น ตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นแทน เนื่องจากทองคำไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปของอัตราดอกเบี้ย