นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในรอบปีบัญชี 2557 (1 เมษายน 2557-31 มีนาคม 2558) ธนาคารมีกำไรสุทธิ 1 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับปีบัญชี 2556 ที่มีอยู่ 9,800 ล้านบาท เป็นผลมาจากการดำเนินงานของธนาคาร และตามนโยบายของรัฐบาล โดยปล่อยสินเชื่อสู่ภาคการเกษตรไปกว่า 1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.27% มีเงิน รับฝาก 1.23 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.03% มีรายได้ 7.46 หมื่นล้านบาท ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ที่ 3.40% ลดลงจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 3.90%
สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานปีบัญชี 2558 (1 เมษายน 2558 - 31 มีนาคม 2559)ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อเพิ่ม 7.67 หมื่นล้านบาท หรือขยายตัว 7% และรับฝากเงินเพิ่ม 65,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5% รวมถึงจะควบคุมสัดส่วน เอ็นพีแอลให้ไม่เกิน 3.50% โดยคาดว่าจะส่งผลให้รอบปีบัญชีนี้ธนาคารจะมีกำไรสุทธิประมาณ 1.05 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ยังดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สิน และการฟื้นฟูการประกอบอาชีพของเกษตรกรลูกค้าที่มีปัญหา โดยสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการปรับโครงสร้างการเกษตรตามนโยบายรัฐบาล และให้สินเชื่อ เพื่อสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจชุมชน เช่น สินเชื่อวิสาหกิจชุมชน สินเชื่อต่อยอดกองทุนหมู่บ้านเป็นสถาบันการเงินชุมชน สินเชื่อตลอดห่วงโซ่ อุปทาน (Value Chain financing) ผ่านสหกรณ์การเกษตร
สำหรับโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรรายย่อย จะเข้าช่วยเหลือเกษตรกรที่มีหนี้สินรายละไม่เกิน 5 แสนบาท จำนวน 8.18 แสนราย คิดเป็นมูลหนี้ 1.16 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีสิทธิประโยชน์ให้กับลูกหนี้ที่มีการชำระหนี้ตามกำหนด เช่น ลดอัตราดอกเบี้ยให้ทุกปี ให้สินเชื่อเพิ่มเติมสำหรับใช้จ่ายยามฉุกเฉินหรือจำเป็นในครอบครัว รวมถึงให้บริการเงินฝาก ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ
นายลักษณ์ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบมีเกษตรกรเข้ามาขอลงทะเบียนแล้ว 9.5 หมื่นราย โดย ธ.ก.ส.ได้เชิญเจ้าหนี้และลูกหนี้มาประนอมหนี้ ซึ่งสำเร็จไปแล้วกว่า 6.02 หมื่นราย มีการให้สินเชื่อไปแล้ว 3 หมื่นราย คิดเป็นเงิน 2,710 ล้านบาท คาดว่าจะให้สินเชื่อครบตามจำนวนภายในเดือนมิถุนายนนี้
สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานปีบัญชี 2558 (1 เมษายน 2558 - 31 มีนาคม 2559)ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อเพิ่ม 7.67 หมื่นล้านบาท หรือขยายตัว 7% และรับฝากเงินเพิ่ม 65,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5% รวมถึงจะควบคุมสัดส่วน เอ็นพีแอลให้ไม่เกิน 3.50% โดยคาดว่าจะส่งผลให้รอบปีบัญชีนี้ธนาคารจะมีกำไรสุทธิประมาณ 1.05 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ยังดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สิน และการฟื้นฟูการประกอบอาชีพของเกษตรกรลูกค้าที่มีปัญหา โดยสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการปรับโครงสร้างการเกษตรตามนโยบายรัฐบาล และให้สินเชื่อ เพื่อสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจชุมชน เช่น สินเชื่อวิสาหกิจชุมชน สินเชื่อต่อยอดกองทุนหมู่บ้านเป็นสถาบันการเงินชุมชน สินเชื่อตลอดห่วงโซ่ อุปทาน (Value Chain financing) ผ่านสหกรณ์การเกษตร
สำหรับโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรรายย่อย จะเข้าช่วยเหลือเกษตรกรที่มีหนี้สินรายละไม่เกิน 5 แสนบาท จำนวน 8.18 แสนราย คิดเป็นมูลหนี้ 1.16 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีสิทธิประโยชน์ให้กับลูกหนี้ที่มีการชำระหนี้ตามกำหนด เช่น ลดอัตราดอกเบี้ยให้ทุกปี ให้สินเชื่อเพิ่มเติมสำหรับใช้จ่ายยามฉุกเฉินหรือจำเป็นในครอบครัว รวมถึงให้บริการเงินฝาก ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ
นายลักษณ์ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบมีเกษตรกรเข้ามาขอลงทะเบียนแล้ว 9.5 หมื่นราย โดย ธ.ก.ส.ได้เชิญเจ้าหนี้และลูกหนี้มาประนอมหนี้ ซึ่งสำเร็จไปแล้วกว่า 6.02 หมื่นราย มีการให้สินเชื่อไปแล้ว 3 หมื่นราย คิดเป็นเงิน 2,710 ล้านบาท คาดว่าจะให้สินเชื่อครบตามจำนวนภายในเดือนมิถุนายนนี้