นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวนการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รวบรวมรายชื่อข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าข่ายกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ได้ 100 กว่ารายชื่อ ทั้งนี้ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในลัปดาห์หน้า และ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะเสนอต่อ พล.องประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อให้รับทราบ
ส่วนขั้นตอนหลังจากนั้น จะส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชามีคำสั่งปรับย้ายข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐที่มีปัญหาออกจากตำแหน่งเดิม และจะมีการเอาผิดทางวินัยและอาญาต่อไป โดย ป.ป.ท. และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) จะเป็นผู้ดำเนินการ เพราะมีข้อมูลในเบื้องต้นอยู่แล้ว
สำหรับการลงโทษปรับย้ายออกจากตำแหน่งเดิม จะอาศัยคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามมาตรา 69 เรื่องมาตราการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ จะเป็นการเอาผิดทางปกครอง ซึ่งจะมีโทษที่เบากว่าความผิดทางอาญาหรือวินัย แต่สามารถทำได้รวดเร็วกว่า
อย่างไรก็ตาม เลขาธิการ ศอตช.ยืนยันว่า จะไม่มีการกลั่นแกล้ง และจะทำด้วยความโปร่งใส เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายว่า การปรับย้ายต้องไม่ไปสร้างปัญหาเพิ่มเติม ทำให้เกิดความขัดแย้งกับการทำงานของข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ และต้องเป็นธรรม เพื่อให้การปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเป็นไปอย่างเด็ดขาด จึงต้องดำเนินการให้เป็นแบบอย่างก่อน ด้วยความโปร่งใส ทั้งข้อมูลและพยานหลักฐาน
ส่วนขั้นตอนหลังจากนั้น จะส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชามีคำสั่งปรับย้ายข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐที่มีปัญหาออกจากตำแหน่งเดิม และจะมีการเอาผิดทางวินัยและอาญาต่อไป โดย ป.ป.ท. และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) จะเป็นผู้ดำเนินการ เพราะมีข้อมูลในเบื้องต้นอยู่แล้ว
สำหรับการลงโทษปรับย้ายออกจากตำแหน่งเดิม จะอาศัยคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามมาตรา 69 เรื่องมาตราการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ จะเป็นการเอาผิดทางปกครอง ซึ่งจะมีโทษที่เบากว่าความผิดทางอาญาหรือวินัย แต่สามารถทำได้รวดเร็วกว่า
อย่างไรก็ตาม เลขาธิการ ศอตช.ยืนยันว่า จะไม่มีการกลั่นแกล้ง และจะทำด้วยความโปร่งใส เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายว่า การปรับย้ายต้องไม่ไปสร้างปัญหาเพิ่มเติม ทำให้เกิดความขัดแย้งกับการทำงานของข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ และต้องเป็นธรรม เพื่อให้การปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเป็นไปอย่างเด็ดขาด จึงต้องดำเนินการให้เป็นแบบอย่างก่อน ด้วยความโปร่งใส ทั้งข้อมูลและพยานหลักฐาน
