ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (31 มี.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์ ที่ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่เร็วขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,776.12 จุด ร่วงลง 200.19 จุด หรือ -1.11 เปอร์เซ็นต์ เอสแอนด์พี ลดลง 18.35 จุด หรือ -0.88 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 2,067.89 จุด แนสแด็ก ลดลง 46.55 จุด หรือ -0.94 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 4,900.89 จุดหรือ -1.11%
ราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 1.08 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นับเป็นการปรับลดลง 3 วันติดต่อกัน เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานในตลาดโลกที่สูงเกินไป หลังจากมีรายงานว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนมี.ค. รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่ายอดส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านจะเพิ่มขึ้น หากชาติมหาอำนาจมีมติยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน
ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.18 ดอลลาร์ ปิดที่ 55.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยเมื่อรวมตลอดทั้งเดือนมีนาคม น้ำมันสัญญาลอนดอน ดิ่งลงถึงร้อยละ 12
ขณะที่ทองคำในวันอังคาร(31มี.ค.) ขยับลงในกรอบแคบๆ โดยแรงกดดันส่วนใหญ่เกิดจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร และจากความกังวลของนักลงทุนที่วิตกว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็ว ๆ นี้ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 1.70 ดอลลาร์ หรือ -0.14 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 1,183.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดไดออกมาส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า เขาคาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจและอัตราว่างงานของสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้
การแสดงความเห็นของนายแลคเกอร์สอกคล้องกับที่นางเจเน็ต เยลเลนประธานเฟดได้กล่าวในระหว่างการแถลงในการประชุมที่จัดโดยเฟดสาขาซานฟรานซิสโกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะเกิดขึ้นในช่วงต่อไปของปีนี้ เมื่อพิจารณาถึงการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของภาวะทางเศรษฐกิจ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,776.12 จุด ร่วงลง 200.19 จุด หรือ -1.11 เปอร์เซ็นต์ เอสแอนด์พี ลดลง 18.35 จุด หรือ -0.88 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 2,067.89 จุด แนสแด็ก ลดลง 46.55 จุด หรือ -0.94 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 4,900.89 จุดหรือ -1.11%
ราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 1.08 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นับเป็นการปรับลดลง 3 วันติดต่อกัน เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานในตลาดโลกที่สูงเกินไป หลังจากมีรายงานว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนมี.ค. รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่ายอดส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านจะเพิ่มขึ้น หากชาติมหาอำนาจมีมติยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน
ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.18 ดอลลาร์ ปิดที่ 55.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยเมื่อรวมตลอดทั้งเดือนมีนาคม น้ำมันสัญญาลอนดอน ดิ่งลงถึงร้อยละ 12
ขณะที่ทองคำในวันอังคาร(31มี.ค.) ขยับลงในกรอบแคบๆ โดยแรงกดดันส่วนใหญ่เกิดจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร และจากความกังวลของนักลงทุนที่วิตกว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็ว ๆ นี้ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 1.70 ดอลลาร์ หรือ -0.14 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 1,183.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดไดออกมาส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า เขาคาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจและอัตราว่างงานของสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้
การแสดงความเห็นของนายแลคเกอร์สอกคล้องกับที่นางเจเน็ต เยลเลนประธานเฟดได้กล่าวในระหว่างการแถลงในการประชุมที่จัดโดยเฟดสาขาซานฟรานซิสโกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะเกิดขึ้นในช่วงต่อไปของปีนี้ เมื่อพิจารณาถึงการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของภาวะทางเศรษฐกิจ
