ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 มี.ค.) หลังจากที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตลอด 4 วันที่ผ่านมา โดยภาวะการซื้อขายค่อนข้างผันผวนและเงียบเหงา ดัชนีเคลื่อนไหวขึ้นๆลงๆในระหว่างวัน อย่างไรก็ดี ข่าวควบรวมกิจการช่วยกระตุ้นให้มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเข้ามาในช่วงท้ายตลาด และหนุนให้ตลาดปิดในแดนบวกได้ในที่สุด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 34.43 จุด หรือ+0.19 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 17,712.66จุด เอสแอนด์พี ลดลง 4.8 จุด หรือ +0.24 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 2,061.02 จุด แนสแด็ก เพิ่มขึ้น 27.86 จุด หรือ +0.57 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 4,891.22 จุด
แม้ปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ แต่ตลอดสัปดาห์ ดัชนีหุ้นนิวยอร์กทั้ง 3 ดัชนี ได้ปรับตัวลดลง 2.3 เปอร์เซ็นต์ 2.2 เปอร์เซ็นต์ และ 2.7 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก สหรัฐ ลดลง 5 ดอลลาร์ หรือ -0.42 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 1,199.80 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ ออนซ์
ทองคำปิดลบครั้งแรกในรอบ 7 วัน เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไร หลังจากที่สัญญาทองคำปรับตัวขึ้น 7 วันติดต่อกัน ขณะที่การคาดการณ์ว่าดอลลาร์สหรัฐจะกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ปรับตัวลดลงในระยะนี้ ก็ได้กระตุ้นให้นักลงทุนส่วนหนึ่งขายทำกำไรเช่นกัน
โดยในช่วง 7 วันทำการที่ผ่านมา สัญญาทองพุ่งขึ้น 4.9% ขณะที่ในรอบสัปดาห์ ราคาเพิ่มขึ้น 1.28%
ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อสัญญาทองคำคือ ดอลลาร์ โดยปกติแล้วทองคำและดอลลาร์จะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกัน นั่นหมายความว่าหากดอลลาร์แข็งค่าขึ้น สัญญาทองคำที่ซื้อขายกันในสกุลเงินดอลลาร์ก็จะปรับตัวลดลง
ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือน พ.ค. ลดลง 2.56 ดอลลาร์ หรือ -4.98 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 48.87 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 2.78 ดอลลาร์ ปิดที่ 56.41 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น 5 วันติดต่อกัน โดยราคาพุ่งขึ้นถึง 5% เมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 1 เดือน จากการที่นักลงทุนมีความวิตกว่าความรุนแรงในตะวันออกกลางอาจกระทบต่อปริมาณน้ำมันโลก ภายหลังมีรายงานว่า ซาอุดิอาระเบียและสมาชิกกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ได้เปิดฉากโจมตีกองกำลังติดอาวุธฮูตี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต บาห์เรน และกาตาร์ ที่แสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่าจะร่วมมือในปฏิบัติการปกป้องเยเมนจากกลุ่มกบฏฮูตี
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันกลับมาดิ่งลงถึง 5% ในวันศุกร์ หลังจากตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันโลกจากเหตุการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลาง โดยโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า การที่ซาอุดิอาระเบียและพันธมิตรทำการโจมตีทางอากาศต่อฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน จะไม่มีผลกระทบมากนักต่อปริมาณน้ำมันโลก เนื่องจากเยเมนเป็นเพียงผู้ส่งออกน้ำมันรายย่อย และเรือบรรทุกน้ำมันสามารถหลีกเลี่ยงน่านน้ำที่มีปัญหาของเยเมนเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางได้
ขณะเดียวกัน นักลงทุนได้หันมาจับตาการหารือเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งหากมีการบรรลุข้อตกลง ก็อาจส่งผลให้ตลาดโลกมีปริมาณน้ำมันมากขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 34.43 จุด หรือ+0.19 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 17,712.66จุด เอสแอนด์พี ลดลง 4.8 จุด หรือ +0.24 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 2,061.02 จุด แนสแด็ก เพิ่มขึ้น 27.86 จุด หรือ +0.57 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 4,891.22 จุด
แม้ปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ แต่ตลอดสัปดาห์ ดัชนีหุ้นนิวยอร์กทั้ง 3 ดัชนี ได้ปรับตัวลดลง 2.3 เปอร์เซ็นต์ 2.2 เปอร์เซ็นต์ และ 2.7 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก สหรัฐ ลดลง 5 ดอลลาร์ หรือ -0.42 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 1,199.80 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ ออนซ์
ทองคำปิดลบครั้งแรกในรอบ 7 วัน เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไร หลังจากที่สัญญาทองคำปรับตัวขึ้น 7 วันติดต่อกัน ขณะที่การคาดการณ์ว่าดอลลาร์สหรัฐจะกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ปรับตัวลดลงในระยะนี้ ก็ได้กระตุ้นให้นักลงทุนส่วนหนึ่งขายทำกำไรเช่นกัน
โดยในช่วง 7 วันทำการที่ผ่านมา สัญญาทองพุ่งขึ้น 4.9% ขณะที่ในรอบสัปดาห์ ราคาเพิ่มขึ้น 1.28%
ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อสัญญาทองคำคือ ดอลลาร์ โดยปกติแล้วทองคำและดอลลาร์จะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกัน นั่นหมายความว่าหากดอลลาร์แข็งค่าขึ้น สัญญาทองคำที่ซื้อขายกันในสกุลเงินดอลลาร์ก็จะปรับตัวลดลง
ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือน พ.ค. ลดลง 2.56 ดอลลาร์ หรือ -4.98 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 48.87 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 2.78 ดอลลาร์ ปิดที่ 56.41 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น 5 วันติดต่อกัน โดยราคาพุ่งขึ้นถึง 5% เมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 1 เดือน จากการที่นักลงทุนมีความวิตกว่าความรุนแรงในตะวันออกกลางอาจกระทบต่อปริมาณน้ำมันโลก ภายหลังมีรายงานว่า ซาอุดิอาระเบียและสมาชิกกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ได้เปิดฉากโจมตีกองกำลังติดอาวุธฮูตี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต บาห์เรน และกาตาร์ ที่แสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่าจะร่วมมือในปฏิบัติการปกป้องเยเมนจากกลุ่มกบฏฮูตี
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันกลับมาดิ่งลงถึง 5% ในวันศุกร์ หลังจากตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันโลกจากเหตุการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลาง โดยโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า การที่ซาอุดิอาระเบียและพันธมิตรทำการโจมตีทางอากาศต่อฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน จะไม่มีผลกระทบมากนักต่อปริมาณน้ำมันโลก เนื่องจากเยเมนเป็นเพียงผู้ส่งออกน้ำมันรายย่อย และเรือบรรทุกน้ำมันสามารถหลีกเลี่ยงน่านน้ำที่มีปัญหาของเยเมนเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางได้
ขณะเดียวกัน นักลงทุนได้หันมาจับตาการหารือเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งหากมีการบรรลุข้อตกลง ก็อาจส่งผลให้ตลาดโลกมีปริมาณน้ำมันมากขึ้น