หน่วยกู้รถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เริ่มปฏิบัติการกู้ซากรถไฟตั้งแต่เวลา 04.00 น.ที่ผ่านมา โดยใช้รถเครนขนาดใหญ่เร่งกู้ซากรถไฟ 3 โบกี้ และหัวรถจักรอีก 1 หัว ขึ้นราง เลื่อนไปยังสถานีมักกะสัน เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริง ขณะที่ในช่วงบ่ายจะมีการเสริมรถเครนขนาดใหญ่อีก 1 คัน เข้าไปช่วยกู้ซากรถไฟ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเวลาประมาณ 15.00 น.วันนี้
อย่างไรก็ตาม สามารถเดินรถได้ตามปกติ เนื่องจากเป็นเส้นทาง 3 ทาง รถไฟสามารถหลบหลีกใช้ทางคู่ขนานเดินรถแทนได้
ขณะที่นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุตรวจสอบข้อเท็จจริง และเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยล่าสุดยังเหลือผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีก 8 คน จากผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 52 คน ซึ่งทั้งหมดอาการปลอดภัยแล้ว โดยก่อนหน้านี้มีอาการสาหัส 3 คน เป็นพนักงานรถไฟ 2 คน มีอาการขาหักและแขนขา ซึ่งแพทย์ได้ทำการผ่าตัด อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว
ส่วนผู้โดยสารคนอื่นๆ การรถไฟฯ ได้อำนวยความสะดวกในการประสานรถโดยสารเพื่อส่งไปยังปลายทางเรียบร้อย
ล่าสุด การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยสาเหตุเบื้องต้นว่า ขณะเกิดเหตุ ขบวนรถด่วนที่ 69 กรุงเทพฯ-หนองคาย มาถึงระหว่างสถานีมาบพระจันทร์-พระแก้ว แต่ระหว่างทางระบบเบรกเกิดขัดข้อง ทำให้รถต้องหยุดซ่อมระหว่างสถานี หลังจากนั้นประมาณ 5 นาที ขบวนรถเร็วที่ 107 กรุงเทพฯ-เด่นชัย ซึ่งออกมาจากสถานีมาบพระจันทร์ ได้พุ่งชนรถขบวนดังกล่าวอย่างจัง ทำให้หัวรถจักรและโบกี้ตกราง
ทั้งนี้ โดยทั่วไปเมื่อขบวนที่ 69 ยังอยู่ระหว่างสถานี ในระบบอาณัติสัญญาณเรียกว่า "ยังไม่มีการคืนทาง" ดังนั้น ขบวน 107 จะต้องยังไม่ออกจากสถานีมาบพระจันทร์ โดยฝ่ายบริหารของการรถไฟฯ กำลังสอบสวนว่าเหตุใดพนักงานขับรถจึงออกจากสถานี จนทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม สามารถเดินรถได้ตามปกติ เนื่องจากเป็นเส้นทาง 3 ทาง รถไฟสามารถหลบหลีกใช้ทางคู่ขนานเดินรถแทนได้
ขณะที่นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุตรวจสอบข้อเท็จจริง และเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยล่าสุดยังเหลือผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีก 8 คน จากผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 52 คน ซึ่งทั้งหมดอาการปลอดภัยแล้ว โดยก่อนหน้านี้มีอาการสาหัส 3 คน เป็นพนักงานรถไฟ 2 คน มีอาการขาหักและแขนขา ซึ่งแพทย์ได้ทำการผ่าตัด อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว
ส่วนผู้โดยสารคนอื่นๆ การรถไฟฯ ได้อำนวยความสะดวกในการประสานรถโดยสารเพื่อส่งไปยังปลายทางเรียบร้อย
ล่าสุด การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยสาเหตุเบื้องต้นว่า ขณะเกิดเหตุ ขบวนรถด่วนที่ 69 กรุงเทพฯ-หนองคาย มาถึงระหว่างสถานีมาบพระจันทร์-พระแก้ว แต่ระหว่างทางระบบเบรกเกิดขัดข้อง ทำให้รถต้องหยุดซ่อมระหว่างสถานี หลังจากนั้นประมาณ 5 นาที ขบวนรถเร็วที่ 107 กรุงเทพฯ-เด่นชัย ซึ่งออกมาจากสถานีมาบพระจันทร์ ได้พุ่งชนรถขบวนดังกล่าวอย่างจัง ทำให้หัวรถจักรและโบกี้ตกราง
ทั้งนี้ โดยทั่วไปเมื่อขบวนที่ 69 ยังอยู่ระหว่างสถานี ในระบบอาณัติสัญญาณเรียกว่า "ยังไม่มีการคืนทาง" ดังนั้น ขบวน 107 จะต้องยังไม่ออกจากสถานีมาบพระจันทร์ โดยฝ่ายบริหารของการรถไฟฯ กำลังสอบสวนว่าเหตุใดพนักงานขับรถจึงออกจากสถานี จนทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว