xs
xsm
sm
md
lg

เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป (PLAT)เริ่มซื้อขายในตลท.วันนี้(24 มี.ค.)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า บมจ. เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป (PLAT) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน ตลท. ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในวันที่ 24 มีนาคม นี้ PLAT ประกอบธุรกิจพัฒนาและบริหารพื้นที่ศูนย์ค้าส่ง-ค้าปลีกให้เช่าเพื่อการพาณิชย์และธุรกิจโรงแรม ปัจจุบันเปิดดำเนินการแล้ว 3 โครงการ ได้แก่ โครงการศูนย์แฟชั่นค้าส่ง เดอะ แพลทินัม แฟชั่นมอลล์ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ แพลทินัม ประตูน้ำ ภายใต้การบริหารของเครือ ACCOR ซึ่งเป็นเครือข่ายการบริหารโรงแรมระดับนานาชาติ และโครงการ เดอะ วอร์ฟ สมุย Community Mall ซึ่งเริ่มเปิดดำเนินการเมื่อ 1 มกราคม 2558

PLAT มีทุนชำระแล้ว 2,800 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 2,100 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 700 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 12 - 13 และ 16 มีนาคม 2558 ในราคาหุ้นละ 7.40 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนทั้งสิ้น 5,180 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

นายสมบูรณ์ วงศ์รัศมี กรรมการผู้จัดการ PLAT เปิดเผยว่า “เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จะนำไปใช้ขยายธุรกิจตามแผนการลงทุนในปี 2558 - 2563 ซึ่งจะช่วยต่อยอดธุรกิจให้บรรลุเป้าหมายการเป็นผู้นำ โดยมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา คือ โครงการเดอะมาร์เก็ต บายแพลทินัม ศูนย์ค้าปลีกรูปแบบใหม่ย่านราชประสงค์ คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการในปี 2560 และโครงการโรงแรมที่เกาะสมุย สุราษฎร์ธานีอีก 2 แห่ง ได้แก่ โรงแรม Holiday Inn Express และโรงแรม Holiday Inn Resort ที่จะเริ่มเปิดดำเนินการปลายปี 2560 และ 2561 ตามลำดับ เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าโรงแรมให้ครอบคลุมจังหวัดท่องเที่ยวและเป็นการเพิ่มแหล่งรายได้ให้กับบริษัท”

หลัง IPO ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ PLAT 3 ลำดับแรก ได้แก่ กลุ่มโชติจุฬางกูร ถือหุ้น 47.09% กลุ่มวิจิตรธนารักษ์ ถือหุ้น 11.27% และกลุ่มลิมปิวิวัฒน์กุล ถือหุ้น 8.02% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO พิจารณาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding) คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 47.47 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิปี 2557 หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.16 บาทต่อหุ้น โดย P/E ratio เฉลี่ยของบริษัทจดทะเบียนในอุตสาหกรรมเดียวกันช่วง 6 เดือน (1 กันยายน 2557 – 28 กุมภาพันธ์ 2558) เท่ากับ 20.49 เท่า

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และเงินสำรองต่างๆ ตามกฎหมายจากงบการเงินเฉพาะกิจการ อนึ่ง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2558 ได้มีมติให้จ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานประจำปี 2557 ในอัตราหุ้นละ 0.062 บาท และมีมติให้จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2558 วันที่ 28 เมษายน 2558 โดยบริษัทจะกำหนดวันเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลอีกครั้งภายหลังจากบริษัทเข้าจดทะเบียนใน ตลท. แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น