แพลทินัม กรุ๊ป หรือ PLAT เคาะราคาหุ้น IPO ที่หุ้นละ 7.40 บาท จากผลการตอบรับจากนักลงทุนสถาบันอย่างล้นหลาม เม็ดเงินระดมทุนรวม 5,084 ล้านบาท จากการจำหน่ายหุ้น จำนวน 700 ล้านหุ้น (หลังหักค่าใช้ จ่ายที่เกี่ยวข้อง) ใช้ขยายธุรกิจ ต่อยอดการเติบโตอย่างมั่นคง “มนตรี ศรไพศาล” แม่ทัพใหญ่เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจัดจำหน่ายจับมือโบรกเกอร์ชั้นนำอีก 8 แห่ง เตรียมเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 12-13 และ 16 มีนาคม 2558 คาดลงสนามเทรดใน SET วันที่ 24 มีนาคมนี้ ด้าน “สมบูรณ์ วงศ์รัศมี” เอ็มดี เผยการระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วยเพิ่มศักยภาพทางการเงินให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น รองรับโอกาสขยายธุรกิจโครงการต่างๆ ในอนาคต
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำการจัดจำหน่ายหุ้น IPO บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PLAT กล่าวว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ของ PLAT ที่ราคา 7.40 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำหนดจากผลการ Book Building นักลงทุนสถาบัน ซึ่งแสดงความต้องการจองซื้อประมาณ 6 เท่าของจำนวนที่จะเสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบัน โดยเห็นว่าที่ระดับราคาดังกล่าวเหมาะสมต่อปัจจัยพื้นฐาน โดยยังมีส่วนลดให้แก่นักลงทุนที่เหมาะสมจากความต้องการซื้อของนักลงทุนสถาบัน การเสนอขายหุ้นจะกระจายไปในหลายกลุ่มผู้ลงทุนซึ่งให้ความสนใจที่จะเข้าลงทุนอย่างสูง ได้แก่ นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายใหญ่ นักลงทุนรายย่อย รวมถึงกลุ่มผู้มีอุปการคุณของบริษัท เช่น ผู้เช่าในศูนย์แฟชั่นค้าส่งเดอะ แพลทินัมแฟชั่นมอลล์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้สนับสนุนธุรกิจของบริษัทมาอย่างต่อเนื่อง และจะมีความมั่นใจในการลงทุในหุ้นของบริษัท ทำให้เชื่อว่าการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะได้รับความสำเร็จเป็นอย่างมาก อันเนื่องจาก PLAT จะเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีศักยภาพในการเติบโตสูง สะท้อนให้เห็นได้จากความสำเร็จอย่างสูงของโครงการ เดอะ แพลทินัม แฟชั่นมอลล์ ซึ่งเป็นศูนย์แฟชั่นค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
โดยตลอด 4 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเช่าพื้นที่ที่ระดับสูงถึง 99% และมีการเติบโตของผลการดำเนินงานอย่างโดดเด่น จากประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ และความสำเร็จของทีมผู้บริหารใน การพัฒนาศูนย์ค้าส่งนี้ จะต่อยอดการเติบโตของธุรกิจไปในการพัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อสร้างการเติบโตให้แก่กลุ่มบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง ด้วยแผนการลงทุนกว่า 8,300 ล้านบาท ในปี 2558-2561 ซึ่งจะได้รับแหล่งเงินทุนจากการระดมทุน IPO ในครั้งนี้ และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินซึ่งบริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากกล่มสถาบันการเงิน โดยที่ปัจจุบันบริษัทฯ ไม่มีหนี้สินที่มีภาระผูกพัน แสดงให้เห็นถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ การขยายธุรกิจของบริษัทจะได้รับประโยชน์จากการเปิด AEC ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการค้าและการลงทุน อีกทั้งเพิ่มจำนวนนักท่อง ที่ยวเข้าประเทศมากยิ่งขึ้น อันจะส่งผลดีต่อโครงการของบริษัทในปัจจุบันและ ในอนาคต จึงมั่นใจว่า PLAT จะเป็นหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีที่มี ศกยภาพการเติบโตสูง และสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดีในระยะยาวแก่นักลงทุน
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 700 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาท คิดเป็น 25% ของทุนชำระแล้วหลังการเสนอขาย IPO โดยจะเสนอขายให้แก่ผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ และบริษัทย่อยคิดเป็น 30% เสนอขายให้เก่ผู้มีอุปการคุณของ ผูจัดจำหน่ายหลัก ทรัพย์ คิดเป็น 46% และเสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบันคิดเป็น 24% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด โดยบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และมีบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 8 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เคทีซีมิโก้ จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซียไซรัส จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ไอวีโกลบอล จำกัด (มหาชน)
โดยจะเปิดให้จองซื้อหุ้น IPO ระหว่าง วัน ที่ 12-13 และ 16 มีนาคมนี้ คาดว่าจะสามารถเข้าซื้อ ขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในวันที่ 24 มีนาคม 2558 ใช้ชื่อในการซื้อขายว่า “PLAT”
“เรามั่นใจว่าการเสนอขายหุ้น PLAT จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนหลายกลุ่มเป็นจำนวนมาก เนื่องจากบริษัทฯ เป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยเป็นผู้นำในกลุ่มผู้ประกอบการศูนย์ค้าส่ง ซึ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ และมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีกหลายโครงการ รวมถึงธุรกิจโรงแรมซึ่งเป็น ส่วนสนับสนุนภาพรวมธุรกิจให้ครบครัน อันจะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งลูกค้าใน ประเทศแ ละนักท่องเที่ยวต่างประเทศได้เป็นอย่างดี และสามารถสร้างการเติบโตแก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง และมีเสถียรภาพ การระดมทุน IPO ในครั้งนี้ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกการระดมทุนของบริษัทฯ ทำให้บริษัทฯสามารถระดมทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยการกำหนดราคา IPO ที่ 7.40 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม” นายมนตรี กล่าว
นายสมบูรณ์ วงศ์รัศมี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนใน ครั้งนี้ มูลค่ารวม 5,084 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) จะนำไปใช้ในการขยายธุรกิจ และมั่นใจว่าการเสนอขายหุ้น จำนวน 700 ล้านหุ้น จะได้รับความสนใจจากทั้งนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนบุคคล โดยช่วงที่ผ่านมา ได้เดินทางไปนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุน (โรดโชว์) ทั้งภาคเหนือ ที่เชียงใหม่ และภาคใต้ ที่หาดใหญ่ ปรากฏว่า บริษัทฯ ได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดยการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญของ บริษัทฯ ที่จะสร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
โดยปัจจุบัน เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป มีศูนย์แฟชั่นค้าส่ง-ค้าปลีกให้เช่าเพื่อการพาณิชย์ ที่เปิดดำเนินการแล้ว จำนวน 2 แห่ง คือ โครงการ เดอะ แพลทินัม แฟชั่นมอลล์ ธุรกิจศูนย์แฟชั่นค้าส่ง และล่าสุด เปิดตัวโครงการ เดอะ วอล์ฟ สมุย Community Mall แห่งใหม่ติดชายหาดแห่งแรกของเกาะสมุย นอกจากนี้ มีธุรกิจโรงแรมที่เปิดดำเนินการแล้ว 1 แห่ง คือ โรงแรม โนโวเทล กรุงเทพ แพลทินัม ประตูน้ำ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา ได้แก่ โครงการ เดอะ มาร์เก็ต บาย แพลทินัม คาดว่าจะสามารถเริ่มเปิดดำเนินการได้ในปี 2560 และโครงการโรงแรม ได้แก่ โรงแรม Holiday Inn Express โรงแรมระดับ 3 ดาว และโรงแรม Holiday Inn Resort โรงแรมระดับ 4 ดาว ซึ่งทั้ง 3 โครงการจะดำเนินการผ่านบริษัทย่อย คาดว่าจะสามารถเริ่มเปิดดำเนินการได้ในช่วงปลายปี 2560 และ 2561 ตามลำดับ
“เรามีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำด้านการพัฒนาศูนย์การค้าส่ง และค้าปลีก รวมทั้งการบริหารพื้นที่ให้ เช่าเพื่อการพาณิชย์ และธุรกิจโรงแรม โดยรายได้จากการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2554-2557 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 29% ต่อปี นอกจากนี้ การบริหารงานที่มีประสิทธิภาพของทีมผู้บริหารทำให้รักษาอัตราการเช่าของศูนย์การค้าอยู่ในระดับสูงมาอย่างต่อเนื่อง สามารถเพิ่มอัตราค่าเช่าพื้นที่อย่างสม่ำเสมอรวม ถึงการบริหารต้นทุนการดำเนินงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม สนับสนุนให้บริษัทฯ สามารถทำกำไรสุทธิในปี 2554-2557 ได้เพิ่มสูงขึ้น คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) สูงถึง 85.2% ต่อปี บริษัทฯ ยังมีนโยบายการ บริหารการเงินที่ระมัดระวังให้มีอัตราหนี้ต่อทุนในระดับที่เหมาะสม
โดยที่บริษัทฯ มีสภาพคล่องทางการเงินที่ดี และปัจจุบันไม่มีหนี้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน จึงมั่นใจว่าปัจจัยเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ รวมทั้งบริษัทฯมีนโยบายจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ จากงบการเงินเฉพาะกิจการ จึงเชื่อว่านักลงทุนจะมั่นใจในบริษัทฯ ส่งผลให้หุ้นไอพีโอจำหน่ายหมดทั้งจำนวน นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2558 ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2558 ได้มี
มติ ให้จ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานประจำปี พ.ศ.2557 เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 173,600,000 บาท โดยบริษัทฯ จะกำหนดวัน Record Date และวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลอีกครั้ง ภายหลังจากที่บริษัทฯ เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ไทยแล้ว ดังนั้น ผู้ถือหุ้นรายใหม่ที่เข้ามาในส่วนหุ้นเพิ่มทุน IPO นี้จะมีสิทธิได้รับเงินปันผลจากผลการดำเนินงานประจำปี 2557 ด้วยเช่นกัน” นายสมบูรณ์ กล่าว