พ.ต.อ.ดุษฏี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหายาเสพติด เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหายาเสพติดในเรือนจำ ว่า ผลตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นจากโทรศัพท์มือถือและซิมการ์ด ที่ยึดได้จากผู้ต้องขังในเรือนจำต่างๆ ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2557 ถึงปัจจุบัน พบโทรศัพท์มือถือของกลาง 1,724 เครื่อง ซิมการ์ด 711 อัน โดยทั้งหมดได้นำมาเก็บดีเอ็นเอ พร้อมตรวจสอบรายละเอียดการใช้โทรศัพท์มือถือ รวมถึงหมายเลขอีมี่ (หมายเลขประจำตัวเครื่อง) ซึ่งหมายเลขการใช้งานตรงกับข้อมูลการสั่งค้ายาเสพติดของเครือข่ายยาเสพติดในเรือนจำ หลังจากนี้ ได้มอบให้กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กรมราชทัณฑ์ และตำรวจภูธรภาค นำข้อมูลไปวิเคราะห์เพื่อขยายผลหาแนวทางกำหนดยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ซิมการ์ดส่วนใหญ่ที่พบมากจากเรือนจำความมั่นคงสูง ซึ่งแม้จะมีการติดตั้งเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ แต่ไม่มีประสิทธิภาพในการตัดสัญญาณได้ครอบคลุมทั่วพื้นที่เรือนจำ ทำให้มีการลักลอบใช้โทรศัพท์มือถือ จึงมีแนวคิดจัดเก็บดีเอ็นเอเจ้าหน้าที่ และผู้ต้องขัง ที่เตรียมปล่อยออกจากเรือนจำปีละกว่า 30,000 คน เพื่อติดตามตัวบุคคล หากพบความเกี่ยวข้องกับการลักลอบใช้โทรศัพท์มือถือและการค้ายาเสพติดในเรือนจำ
ส่วนกรณีที่ กสทช. บังคับให้ลงทะเบียนซิมการ์ดทุกระบบภายในเดือนเมษายนนั้น ถือเป็นเรื่องดี เพราะจะช่วยให้สามารถตรวจสอบการใช้งานโทรศัพท์มือถือได้ดีขึ้น นำไปสู่การขยายผลเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด
รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ซิมการ์ดส่วนใหญ่ที่พบมากจากเรือนจำความมั่นคงสูง ซึ่งแม้จะมีการติดตั้งเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ แต่ไม่มีประสิทธิภาพในการตัดสัญญาณได้ครอบคลุมทั่วพื้นที่เรือนจำ ทำให้มีการลักลอบใช้โทรศัพท์มือถือ จึงมีแนวคิดจัดเก็บดีเอ็นเอเจ้าหน้าที่ และผู้ต้องขัง ที่เตรียมปล่อยออกจากเรือนจำปีละกว่า 30,000 คน เพื่อติดตามตัวบุคคล หากพบความเกี่ยวข้องกับการลักลอบใช้โทรศัพท์มือถือและการค้ายาเสพติดในเรือนจำ
ส่วนกรณีที่ กสทช. บังคับให้ลงทะเบียนซิมการ์ดทุกระบบภายในเดือนเมษายนนั้น ถือเป็นเรื่องดี เพราะจะช่วยให้สามารถตรวจสอบการใช้งานโทรศัพท์มือถือได้ดีขึ้น นำไปสู่การขยายผลเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด
