พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ชุดสอบสวนคดียักยอกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และฉ้อโกงประชาชน เปิดเผยผลการสอบปากคำพระใกล้ชิดพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย 2 รูป คือพระครูปลัดวิจารย์ ธีรังกุโร และพระมนตรี สุดาภาโส ซึ่งมีชื่อรับเช็คบริจาคจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ว่า พระทั้ง 2 รูป ได้ชี้แจงพร้อมกับทนายความส่วนตัวถึงการรับเช็คว่า ได้รับเช็คจากนายศุภชัยจริง และนำไปใช้จ่ายอย่างไรบ้าง
โดยพระครูปลัดวิจารย์ ชี้แจงว่า นำเงินจำนวน 119 ล้านบาท ไปใช้จ่ายในการก่อสร้างศูนย์เยาวชนที่อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ส่วนพระมนตรี ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับฝ่ายอบรมต่างประเทศ วัดพระธรรมกาย ได้นำเงินไปใช้ผลิตสื่อธรรมะอบรมสามเณร อย่างไรก็ตาม พระมนตรี ชี้แจงว่า ไม่ได้รับเงินเป็นจำนวนมากถึง 100 ล้านบาท ตามที่ปรากฏเป็นข่าว แต่รับมาประมาณ 4-5 ล้านบาทเท่านั้น
หลังการสอบปากคำ พนักงานสอบสวนจะรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมด รวมถึงประเด็นที่ยังมีข้อสงสัย ซึ่งผู้เกี่ยวข้องยังชี้แจงไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการรับเช็คไปใช้ นำเสนอเข้าที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวนเพื่อพิจารณาข้อมูลการให้ปากคำ รวมถึงการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหากับบุคคลใดหรือไม่ ซึ่งขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหาคงต้องรอจนกว่าการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องกับเช็คทั้ง 878 ฉบับเสร็จสิ้น เบื้องต้นไม่จำเป็นต้องเรียกพระทั้ง 2 รูป เข้าให้ปากคำหรือส่งเอกสารชี้แจงเพิ่มเติมแล้ว
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนได้ซักถามถึงความสัมพันธ์กับนายศุภชัย ซึ่งทั้งพระมนตรี และพระครูปลัดวิจารย์ ยอมรับว่ารู้จักนายศุภชัย แต่ไม่สนิทสนม เป็นการรู้จักในฐานะผู้มาทำบุญที่วัด
ทั้งนี้ ในกลุ่มของวัดพระธรรมกายยังเหลือการสอบปากคำพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายอีก 1 รูป ซึ่งยังยืนยันกำหนดการเดินทางเข้าให้ปากคำด้วยตัวเองในวันที่ 26 มีนาคมนี้ เพื่อชี้แจงในประเด็นเดียวกับพระลูกวัด 2 รูป คือการรับเช็คบริจาคเข้าบัญชีส่วนตัวของพระ
โดยพระครูปลัดวิจารย์ ชี้แจงว่า นำเงินจำนวน 119 ล้านบาท ไปใช้จ่ายในการก่อสร้างศูนย์เยาวชนที่อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ส่วนพระมนตรี ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับฝ่ายอบรมต่างประเทศ วัดพระธรรมกาย ได้นำเงินไปใช้ผลิตสื่อธรรมะอบรมสามเณร อย่างไรก็ตาม พระมนตรี ชี้แจงว่า ไม่ได้รับเงินเป็นจำนวนมากถึง 100 ล้านบาท ตามที่ปรากฏเป็นข่าว แต่รับมาประมาณ 4-5 ล้านบาทเท่านั้น
หลังการสอบปากคำ พนักงานสอบสวนจะรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมด รวมถึงประเด็นที่ยังมีข้อสงสัย ซึ่งผู้เกี่ยวข้องยังชี้แจงไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการรับเช็คไปใช้ นำเสนอเข้าที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวนเพื่อพิจารณาข้อมูลการให้ปากคำ รวมถึงการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหากับบุคคลใดหรือไม่ ซึ่งขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหาคงต้องรอจนกว่าการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องกับเช็คทั้ง 878 ฉบับเสร็จสิ้น เบื้องต้นไม่จำเป็นต้องเรียกพระทั้ง 2 รูป เข้าให้ปากคำหรือส่งเอกสารชี้แจงเพิ่มเติมแล้ว
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนได้ซักถามถึงความสัมพันธ์กับนายศุภชัย ซึ่งทั้งพระมนตรี และพระครูปลัดวิจารย์ ยอมรับว่ารู้จักนายศุภชัย แต่ไม่สนิทสนม เป็นการรู้จักในฐานะผู้มาทำบุญที่วัด
ทั้งนี้ ในกลุ่มของวัดพระธรรมกายยังเหลือการสอบปากคำพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายอีก 1 รูป ซึ่งยังยืนยันกำหนดการเดินทางเข้าให้ปากคำด้วยตัวเองในวันที่ 26 มีนาคมนี้ เพื่อชี้แจงในประเด็นเดียวกับพระลูกวัด 2 รูป คือการรับเช็คบริจาคเข้าบัญชีส่วนตัวของพระ