กรณีเมื่อบ่ายวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา พนักงานโรงแรมบูติค ย่านถนนราชปรารภ เขตราชเทวี พบธนบัตร 100 ดอลลาร์ 20 มัด พร้อมตู้เซฟซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเดินทางของลูกค้าที่นำมาฝากบริเวณชั้นล่างของโรงแรม จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท ไปตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่าเป็นธนบัตรปลอมทั้งหมด ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นของแก๊งเงินดำที่นำมาทิ้งไว้เพื่อเตรียมนำไปใช้หลอกลวงเหยื่อตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 16 มี.ค. พ.ต.อ.วิชัย แดงประดับ พงส.ผทค.สน.พญาไท กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบธนบัตรดอลลาร์ทั้งหมดพบว่า เป็นของปลอมเนื่องจากพบว่าธนบัตรหลายใบมีแค่ด้านหน้าด้านเดียว ด้านหลังเป็นกระดาษเปล่า จึงมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นธนบัตรปลอมที่แก๊งเงินดำ เตรียมใช้หลอกลวงเหยื่อที่หลงเชื่อแต่อาจจะมีข้อผิดพลาดบางอย่างจึงทิ้งกระเป๋าไว้
ทั้งนี้ทางโรงแรมแจ้งว่าจากการตรวจสอบข้อมูลผู้เข้าพักพบผู้ต้องสงสัย 1 ราย เป็นชายผิวดำ ชาวกานา ใช้ชื่อในการเปิดห้องว่า "แจ็ค" เข้ามาเปิดห้องพักในโรงแรมดังกล่าวเมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะออกจากโรงแรมไปเมื่อวันที่ 7 มี.ค. โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบประวัติการเดินทางเข้า-ออกประเทศของทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กลับไม่พบชื่อบุคคลดังกล่าวจึงอาจเป็นไปได้ว่า เจ้าตัวใช้พาสปอร์ตปลอมในการเปิดห้องพัก
พ.ต.อ.วิชัย กล่าวต่อว่า ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนกำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลัง เพื่อหาเบาะแสว่าใครเป็นคนนำกระเป๋าใบดังกล่าวมาวางฝากไว้ที่เคาท์เตอร์ชั้น 1 โรงแรม โดยเบื้องต้นพบว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดย้อนหลังไปในช่วงวันที่ 6-7 มี.ค.นั้นเกิดขัดข้อง กำลังประสานให้ช่างเทคนิคมาทำการกู้ภาพอยู่ หากได้ภาพของคนที่นำกระเป๋ามาวางที่แน่ชัดแล้วก็จะติดตามตัวมาดำเนินคดีในข้อหามีไว้เพื่อนำออกใช้ธนบัตรปลอมซึ่งรัฐบาลต่างประเทศออกใช้โดยผิดกฎหมาย
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 16 มี.ค. พ.ต.อ.วิชัย แดงประดับ พงส.ผทค.สน.พญาไท กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบธนบัตรดอลลาร์ทั้งหมดพบว่า เป็นของปลอมเนื่องจากพบว่าธนบัตรหลายใบมีแค่ด้านหน้าด้านเดียว ด้านหลังเป็นกระดาษเปล่า จึงมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นธนบัตรปลอมที่แก๊งเงินดำ เตรียมใช้หลอกลวงเหยื่อที่หลงเชื่อแต่อาจจะมีข้อผิดพลาดบางอย่างจึงทิ้งกระเป๋าไว้
ทั้งนี้ทางโรงแรมแจ้งว่าจากการตรวจสอบข้อมูลผู้เข้าพักพบผู้ต้องสงสัย 1 ราย เป็นชายผิวดำ ชาวกานา ใช้ชื่อในการเปิดห้องว่า "แจ็ค" เข้ามาเปิดห้องพักในโรงแรมดังกล่าวเมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะออกจากโรงแรมไปเมื่อวันที่ 7 มี.ค. โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบประวัติการเดินทางเข้า-ออกประเทศของทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กลับไม่พบชื่อบุคคลดังกล่าวจึงอาจเป็นไปได้ว่า เจ้าตัวใช้พาสปอร์ตปลอมในการเปิดห้องพัก
พ.ต.อ.วิชัย กล่าวต่อว่า ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนกำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลัง เพื่อหาเบาะแสว่าใครเป็นคนนำกระเป๋าใบดังกล่าวมาวางฝากไว้ที่เคาท์เตอร์ชั้น 1 โรงแรม โดยเบื้องต้นพบว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดย้อนหลังไปในช่วงวันที่ 6-7 มี.ค.นั้นเกิดขัดข้อง กำลังประสานให้ช่างเทคนิคมาทำการกู้ภาพอยู่ หากได้ภาพของคนที่นำกระเป๋ามาวางที่แน่ชัดแล้วก็จะติดตามตัวมาดำเนินคดีในข้อหามีไว้เพื่อนำออกใช้ธนบัตรปลอมซึ่งรัฐบาลต่างประเทศออกใช้โดยผิดกฎหมาย