สวนดุสิตโพลล์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,425 คน ระหว่างวันที่ 9-14 มีนาคม ที่ผ่านมา ถึงความเชื่อมั่นของประชาชนในวันนี้ที่มีต่อรัฐบาลพบว่า ผลงานที่ทำให้ประชาชนมั่นใจมากที่สุด ร้อยละ 88.28 คือ การดูแลสถานการณ์บ้านเมือง ทำให้ไม่มีการชุมนุมประท้วง สร้างความวุ่นวาย รองลงมาร้อยละ 82.07 ระบุการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน และร้อยละ 80.07 ระบุมีความตั้งใจในการแก้ปัญหาความเดือดร้อน และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
ส่วนผลงานที่ทำให้ประชาชนไม่มั่นใจ อันดับ 1 ร้อยละ 85.68 ระบุการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สินค้าแพง ความเหลื่อมล้ำ ความยากจน มีหนี้สิน รองลงมาร้อยละ 74.95 คือการร่างรัฐธรรมนูญและการจัดการเลือกตั้ง และร้อยละ 71.30 ระบุการจัดเก็บภาษีที่ดิน ภาษีมรดก ภาษีบ้าน
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาในภาพรวม พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 64.64 ระบุว่าพอมั่นใจรัฐบาลอยู่บ้าง เพราะมีผลงานให้เห็น มีการชี้แจงทำความเข้าใจให้ประชาชนได้รับรู้ ดูแลบ้านเมืองให้สงบ เป็นระเบียบ รองลงมาร้อยละ 18.49 ระบุมั่นใจมาก เพราะเป็นรัฐบาลทหาร มีอำนาจเต็มที่ ผู้นำมีความเด็ดขาดในการทำงาน ตรงไปตรงมา มีแผนการทำงานที่ชัดเจน และร้อยละ 10.87 ระบุไม่ค่อยมั่นใจ เพราะบางกระทรวงยังทำงานล่าช้า ไม่ค่อยมีผลงาน รัฐบาลเข้ามาในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี มีหลายปัญหาให้แก้ไข
เมื่อถามถึงปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลสั่นคลอน ขาดเสถียรภาพ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 86.53 ระบุบ้านเมืองวุ่นวาย ประชาชนขาดความสามัคคี ไม่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐ อันดับ 2 ร้อยละ 81.26 ระบุ การทุจริตคอร์รัปชัน และอันดับ 3 ร้อยละ 79.37 ระบุสภาพเศรษฐกิจที่ยังซบเซา ประชาชนมีความเป็นอยู่ยากลำบาก
ทั้งนี้กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 87.51 ต้องการให้นายกรัฐมนตรี เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สินค้าแพง ปากท้องของประชาชนและความเดือดร้อนของเกษตกร รองลงมาร้อยละ 84.49 อยากให้พัฒนาการศึกษาให้กับเยาวชน และพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของคนในชาติ
ส่วนผลงานที่ทำให้ประชาชนไม่มั่นใจ อันดับ 1 ร้อยละ 85.68 ระบุการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สินค้าแพง ความเหลื่อมล้ำ ความยากจน มีหนี้สิน รองลงมาร้อยละ 74.95 คือการร่างรัฐธรรมนูญและการจัดการเลือกตั้ง และร้อยละ 71.30 ระบุการจัดเก็บภาษีที่ดิน ภาษีมรดก ภาษีบ้าน
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาในภาพรวม พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 64.64 ระบุว่าพอมั่นใจรัฐบาลอยู่บ้าง เพราะมีผลงานให้เห็น มีการชี้แจงทำความเข้าใจให้ประชาชนได้รับรู้ ดูแลบ้านเมืองให้สงบ เป็นระเบียบ รองลงมาร้อยละ 18.49 ระบุมั่นใจมาก เพราะเป็นรัฐบาลทหาร มีอำนาจเต็มที่ ผู้นำมีความเด็ดขาดในการทำงาน ตรงไปตรงมา มีแผนการทำงานที่ชัดเจน และร้อยละ 10.87 ระบุไม่ค่อยมั่นใจ เพราะบางกระทรวงยังทำงานล่าช้า ไม่ค่อยมีผลงาน รัฐบาลเข้ามาในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี มีหลายปัญหาให้แก้ไข
เมื่อถามถึงปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลสั่นคลอน ขาดเสถียรภาพ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 86.53 ระบุบ้านเมืองวุ่นวาย ประชาชนขาดความสามัคคี ไม่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐ อันดับ 2 ร้อยละ 81.26 ระบุ การทุจริตคอร์รัปชัน และอันดับ 3 ร้อยละ 79.37 ระบุสภาพเศรษฐกิจที่ยังซบเซา ประชาชนมีความเป็นอยู่ยากลำบาก
ทั้งนี้กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 87.51 ต้องการให้นายกรัฐมนตรี เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สินค้าแพง ปากท้องของประชาชนและความเดือดร้อนของเกษตกร รองลงมาร้อยละ 84.49 อยากให้พัฒนาการศึกษาให้กับเยาวชน และพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของคนในชาติ