ปัจจัยดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นยังก่อแรงกดดันต่อตลาดทองคำอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในวันพุธ (11มี.ค.) ทองคำขยับลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 9.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,150.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่าการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มรายได้ของบริษัทส่งออก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,635.39 จุด ลดลง 27.55 จุด หรือ -0.16% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,849.94 จุด ลดลง 9.85 จุด หรือ -0.20% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,040.24 จุด ลดลง 3.92 จุด หรือ -0.19%
ขณะที่น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 12 เซนต์ ปิดที่ 48.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 57.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
รายงานกระทรวงพลังงานสหรัฐฯที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ (11 มี.ค.) ระบุว่า คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 มีนาคม เพิ่มขึ้น 4.5 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 448.9 ล้านบาร์เรล สูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มบันทึกข้อมูลรายสัปดาห์ในปี 1982 ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าน่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 4.6 ล้านบาร์เรล ซ้ำเติมความกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาด
ส่วนราคาน้ำมันลอนดอน ได้แรงหนุนจากธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) เริ่มดำเนินการเข้าซื้อพันธบัตรในวันจันทร์(9มี.ค.) ด้วยมีเป้าหมายกระตุ้นการเติบโตแก่เศรษฐกิจอันเซื่องซึมของยูโรโซน
ด้านดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่าการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มรายได้ของบริษัทส่งออก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,635.39 จุด ลดลง 27.55 จุด หรือ -0.16% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,849.94 จุด ลดลง 9.85 จุด หรือ -0.20% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,040.24 จุด ลดลง 3.92 จุด หรือ -0.19%
ขณะที่น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 12 เซนต์ ปิดที่ 48.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 57.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
รายงานกระทรวงพลังงานสหรัฐฯที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ (11 มี.ค.) ระบุว่า คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 มีนาคม เพิ่มขึ้น 4.5 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 448.9 ล้านบาร์เรล สูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มบันทึกข้อมูลรายสัปดาห์ในปี 1982 ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าน่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 4.6 ล้านบาร์เรล ซ้ำเติมความกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาด
ส่วนราคาน้ำมันลอนดอน ได้แรงหนุนจากธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) เริ่มดำเนินการเข้าซื้อพันธบัตรในวันจันทร์(9มี.ค.) ด้วยมีเป้าหมายกระตุ้นการเติบโตแก่เศรษฐกิจอันเซื่องซึมของยูโรโซน
