นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ที่ประชุมมีมติปรับลดอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนจากน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิด ส่งผลให้ราคาขายปลีกเบนซินลดลง 2 บาทต่อลิตร กลุ่มแก๊สโซฮอล์ ลดลง 1 บาทต่อลิตร ยกเว้น E85 ที่ลดชดเชย 1 บาทต่อลิตร และดีเซลลดเก็บเงินเข้ากองทุน 20 สตางค์ต่อลิตร โดยจะมีผลเมื่อไรนั้น ขึ้นอยู่กับสต๊อกของผู้ค้าน้ำมัน คาดว่าจะใช้เวลา 1 วัน โดยสาเหตุของการปรับลดอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุน เนื่องจากขณะนี้ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 35,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่พอใจ และสามารถรักษาเสถียรภาพราคาพลังงานได้ โดยรายได้เข้ากองทุนฯ 7,800 ล้านบาท เป็น 4,600 ล้านบาท
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังเตรียมเสนอเรื่องการปรับภาษีสรรพสามิตดีเซลเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ (10 มี.ค.) เพิ่มอีก 1 บาทต่อลิตร เป็น 4.25 บาทต่อลิตร เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ต้องการให้ระดับภาษีสรรพสามิตของน้ำมันเชื้อเพลิงใกล้เคียงกัน
ส่วนพิจารณาโครงสร้างราคาแอลพีจี เดือนมีนาคม 2558 ในตลาดปรับขึ้นเล็กน้อย อยู่ที่ 507 เหรียญสหรัฐต่อตัน จากเดือนที่แล้วอยู่ที่ 498 เหรียญสหรัฐต่อตัน แต่ กบง.มีมติปรับลดเก็บเงินเข้ากองทุน จากเดิม 53 สตางค์ เป็น 34.6 สตางค์ต่อกิโลกรัม ส่งผลให้ราคาแอลพีจีเดือนมีนาคมนี้ เท่าเดิมที่ 24.16 บาทต่อกิโลกรัม
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังเตรียมเสนอเรื่องการปรับภาษีสรรพสามิตดีเซลเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ (10 มี.ค.) เพิ่มอีก 1 บาทต่อลิตร เป็น 4.25 บาทต่อลิตร เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ต้องการให้ระดับภาษีสรรพสามิตของน้ำมันเชื้อเพลิงใกล้เคียงกัน
ส่วนพิจารณาโครงสร้างราคาแอลพีจี เดือนมีนาคม 2558 ในตลาดปรับขึ้นเล็กน้อย อยู่ที่ 507 เหรียญสหรัฐต่อตัน จากเดือนที่แล้วอยู่ที่ 498 เหรียญสหรัฐต่อตัน แต่ กบง.มีมติปรับลดเก็บเงินเข้ากองทุน จากเดิม 53 สตางค์ เป็น 34.6 สตางค์ต่อกิโลกรัม ส่งผลให้ราคาแอลพีจีเดือนมีนาคมนี้ เท่าเดิมที่ 24.16 บาทต่อกิโลกรัม
